นักข่าวอิศรายื่นหนังสือขอสภาทนายความช่วยสู้คดี!!

นักข่าวอิศรายื่นหนังสือขอสภาทนายความช่วยสู้คดี!!

"นักข่าวอิศรา" ยื่นหนังสือขอสภาทนายความช่วยสู้คดี - เผยเป็นคดีแรกที่สื่อมวลชนถูกดำเนินคดีข้อหา "บุกรุก"

กรณีนายณัฐพร วีระนันท์ อายุ 28 ปีนักข่าวสถาบันอิศราเดินทางไปทำข่าวลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลเรื่องหอพัก ที่ หจก.สมถวิล เรียลเอสเตรท ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 32 ถ.รัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายของวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหอพัก ในการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หลังถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน แต่ต่อมากลับถูกสน.พหลโยธินแจ้งจับข้อหาบุกรุก ถูกนำตัวไปที่สน.ก่อนยื่นประกันตัวออกมา

ที่สภาทนายความ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม นายณัฐพร เดินทางมาพร้อมกับนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผอ.สถาบันอิศราและนายเสนาะ สุขเจริญ บก.สำนักข่าวอิศราเข้าพบเพื่อยื่นเอกสารขอความช่วยเหลือกับทางนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาศ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายและนายทัศไนย ไชยแขวง อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์

นายเสาวภักดิ์กล่าวว่า ทางสภาทนายความมีข้อตกลงกับทางสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กรณีที่ผู้สื่อข่าว นักหนังสือพิมพ์ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ทางสภาทนายความก็จะให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายให้ กรณีนี้ เรื่องการบุกรุกเคหะสถานต้องพิจารณาว่ารบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของเจ้าของหรือไม่ ถ้าพบว่ารบกวน ก็จะเข้าข่ายข้อหาบุกรุก แต่กรณีนี้ สถานที่ดังกล่าวไม่ได้ใช้คีย์การ์ด มีจุดให้ติดต่อ หากดูเจตนาพบว่านักข่าวมาทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ถือว่ารบกวนการครอบครอง ยิ่งบอกให้นั่งรอก่อน ก็ยิ่งพบว่าไม่เข้าข่ายข้อหาบุกรุกเลย ทางสภาทนายความพร้อมให้ความช่วยเหลือโดยไม่ได้หนักใจว่าผู้ฟ้องเป็นถึงอดีตผบ.ตร. ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ฟ้อง และก็เป็นสิทธิของสื่อมวลชนในการทำหน้าที่ ทุกอย่างว่าไปตามข้อเท็จจริง ต้องดูเจตนาเป็นหลัก

นายเสาวภักดิ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาคดีเกี่ยวกับสื่อมวลชนจะเป็นเรื่องคดีหมิ่นประมาทเสียมาก แต่คดีบุกรุกนั้น ไม่เคยมีมาก่อน กรณีนี้ถือเป็นคดีแรกที่สื่อมวลชนถูกดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าว จึงฝากไปยังสื่อมวลชนเวลาไปทำข่าว ต้องดูสถานที่ว่ามีการปิดกั้นหรือไม่ เข้าไปต้องระวังหากไปรบกวนสิทธิของผู้ถือครองก็จะเข้าข่ายบุกรุกได้ อีกเรื่องที่ต้องระวังคือความผิดฐานหมิ่นประมาทในการนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ตามกฎหมายใหม่

ทั้งนี้นายประสงค์ได้มอบเงินสด 100,000 บาทที่ได้จากการบริจาคมาให้ส่งเสริมเพื่อกิจการของสภาทนายความ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคดีดังกล่าว เนื่องจากสภาทนายความช่วยเหลือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ขณะที่คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนนัดหมายนายณัฐพรเข้าพบในวันที่ 1 ก.ย. เวลา 09.00 น.เพื่อแจ้งว่าจะยื่นฟ้องต่ออัยการหรือไม่ที่สน.พหลโยธิน