ยึด ‘คอร์ บิซิเนส’ สร้างมูลค่าเพิ่มองค์กร

หุ้น ’บีฟิท’ เป็นชื่อหลักทรัพย์ที่นักลงทุนคุ้นหูกันมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มคอม-ลิงค์ ของตระกูล โรจนพฤกษ์ ซึ่งเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจแบบ Low Profile, High Profit อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ของบีฟิท ในวันนี้เปลี่ยนไป หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นใหญ่ มาสู่กลุ่ม แก้วบุตตา ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจสินเชื่อรายย่อยชื่อดังของประเทศ ภายใต้ชื่อ ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD)

โดยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2560 บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร หรือ BFIT แจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท เป็น บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) โดยยังใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “BFIT” ตามเดิม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ากระบวนการเปลี่ยนผ่านได้เสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้โครงสร้างผู้ถือหุ้นจะเปลี่ยนไป แต่กระแสเลือดหลักภายในบีฟิท ยังคงเหมือนเดิม โดยมี ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ เป็นผู้สร้างความเชื่อมโยงได้อย่างแทบจะไร้รอยต่อ

ธิติธรรม เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า การควบรวมกิจการของบีฟิทและกลุ่มศรีสวัสดิ์ นั้น บุคคลที่เป็นผู้ขับเคลื่อนให้ดีลดัน ก็คือพ่อของเขา(ศิริธัช โรจนพฤกษ์) และคุณพี่สาวของฝั่งศรีสวัสดิ์ (ดวงใจ แก้วบุตตา) ซึ่งในระหว่างที่กำลังทำดีลความลับนี้ ธิติธรรม มีตำแหน่งเป็นกรรมการของบีฟิท โดยคอยดูแลธุรกิจทางด้านบริการเงินฝาก ซึ่งเป็นขาธุรกิจที่เขาเข้ามารับผิดชอบตั้งแต่ Day1 ที่ก้าวเข้ามาทำงานเต็มตัวในกรุงเทพธนาทร 

ธิติธรรม เริ่มเข้าสู่วงการการเงินตั้งแต่ได้เข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ (ภาคอินเตอร์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเขาได้เข้าศึกษาอยู่ราว 1 เดือนก็ได้คำตอบให้กับตัวเองว่าเขาต้องการรู้กว้างกว่านี้ และการเงินก็เป็นคำตอบที่น่าเข้ากับเขาได้มากที่สุด เมื่อรู้ตัวเร็ว ธิติธรรม ได้ขออนุญาตทางบ้าน ไปศึกษาต่อที่สาขาด้านการเงิน ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย จากนั้นก็กลับมาช่วยงานในกิจการที่บ้าน คือเครือคอม-ลิงค์ เป็นเวลา 2 ปี โดยได้เข้าช่วยงานในโรงแป้ง และโรงพิมพ์ จากนั้นก็ศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาการเงิน สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จากนั้นก็เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจที่กรุงเทพธนาทร ซึ่งเป็นธุรกิจการเงินของเครือคอม-ลิงค์

ด้วยความที่เคยฝึกงานที่นี่ เมื่อเข้ามาบริหารธุรกิจก็ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ควบคู่กับผู้ดูแลในฝ่ายเงินฝาก ซึ่งด้วยคาแรคเตอร์ของธิติธรรม ที่เป็นคนเคร่ง ยึดติดกับการปฎิบัติที่ถูกต้องตามกฎ ทำให้เขาสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดี 

ธิติธรรมเล่าว่า นิสัยเคร่งครัดในกฎระเบียบ ชอบความเป็นระบบ และการมีความเชื่อว่าทุกอย่างสามารถบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยการจัดการการเงินให้ดี มีรากฐานมาจากครอบครัว ด้วยความที่เครือข่ายของคอม-ลิงค์หลากหลาย คุณพ่อ จึงเป็นนักธุรกิจที่พบเจอกับโอกาสและอุปสรรคมากมาย และได้ถ่ายทอดมาสู่ลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ จนถึงการทำงานให้เห็นเป็นตัวอย่าง เหล่านี้หล่อหลอมขึ้นมาเป็นตัวตนของธิติธรรม รวมไปถึงพี่สาว-น้องสาว ที่ตอนนี้ก็ช่วยบริหารงานในธุรกิจใจเครือคอม-ลิงค์เช่นกัน 

และเมื่อเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านของกรุงเทพธนาทร โดยมีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ คือกลุ่มศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ ธิติธรรม มีโจทย์หลักในการทำงาน คือ ซื่อตรงกับความถนัดและความรับผิดชอบของตัวเอง 

ข้อมูลธุรกิจล่าสุดของกรุงเทพธนาทร ในด้านธุรกิจสินเชื่อ บริษัทมีสินเชื่อ 2 ประเภท คือสินเชื่อสวัสดิการ และสินเชื่อธุรกิจ รวมมูลค่าประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท , ธุรกิจลงทุน มีมูลค่าพอร์ตประมาณ 1.2 พันล้านบาท และธุรกิจเงินฝาก มีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนบัญชีเงินฝากราวๆ 240 บัญชี 

หน้าที่สำคัญที่ธิติธรรมดูแลมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพธนาทร คือ ดูแลการลงทุนในรีโป เพื่อบาลานซ์สภาพคล่อง และควบคุมการเงินของบริษัท โดยคุณสมบัติของคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ดี คือ ต้องรู้รอบ อาทิ รู้เรื่องเงินฝาก ที่ต้องยืดหยุ่นได้ดี และต้องควบคุมต้นทุนการทำธุรกิจของบริษัทให้ได้

จุดเด่นของกรุงเทพธนาทร คือ มีความยืดหยุ่นมากว่า  เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินใหญ่  และยังเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 

ธิติธรรมกล่าวเพิ่มว่า เมื่อมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาเป็นเจ้าของร่วม การสร้างความเติบโต คือ อยากจะทำให้กรุ๊ปนี้ มี cost of capital ถูกลง โดยกรุงเทพธนาทร ก็ยังดำเนินธุรกิจหลักต่อไป โดยจะเน้นการขยายทั้งมุมเงินฝาก และปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ จะมีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไป 

“ตอนนี้เรากับศรีสวัสดิ์เพิ่งมาเชื่อมโยงกันเรียกว่าเลือดเพิ่งมาผสมกัน แต่ละกระแสเลือดก็จะไหลเวียนในเส้นทางหลัก ตามทางที่ถนัดก่อน แต่เมื่อผสมผสานกันได้ดีแล้วก็จะเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งแน่นอน”