คนไทยใช้เวลากับ 'ครอบครัว' 3 ชม.

คนไทยใช้เวลากับ 'ครอบครัว' 3 ชม.

สสส. เผยสถิติคนไทยใช้เวลากับครอบครัว 3 ชม. ด้านยูเอ็นเอฟพีเอ ระบุสถานการณ์ครอบครัวไทยมีรูปแบบหลากหลายขึ้น ครอบครัวเพศเดียวกัน-อยู่คนเดียว-ครอบครัวที่ไม่ใช่ญาติ

 ใกล้วันครอบครัวเข้ามาทุกขณะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย หรือ ยูเอ็นเอฟพีเอ ไทยแลนด์ (UNFPA Thailand) และภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาวะกลุ่มเยาวชน "คลี่ครอบครัวไทย 4.0”

นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เปิดเผยว่า จากผลสำรวจสถานการณ์ครอบครัวไทย โดยศูนย์วิจัยด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สำรวจความคิดเห็นแบบออนไลน์จากตัวแทนเยาวชนทั่วประเทศ อายุระหว่าง 15-24 ปี จำนวน 824 คน เดือนมีนาคม 2560 เป็นเพศหญิง 57% เพศชาย 42% และอื่นๆ 1% ระดับการศึกษา คือ มัธยมศึกษาและประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 26% ปริญญาตรีและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 60% สูงกว่าปริญญาตรี 0.5% และนอกระบบการศึกษา 0.4% รายได้ครอบครัวส่วนใหญ่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน พบว่า รูปแบบครอบครัวไทย ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก 59% ตามด้วยครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 16% ครอบครัว 3 รุ่น 15% ครอบครัวข้ามรุ่น 5% ที่เหลือ คือ อยู่คนเดียว สามี-ภรรยาที่ไม่มีลูก ครอบครัวที่ไม่ใช่ญาติ เป็นต้น

เมื่อถามถึงครอบครัวในความหมายของเยาวชน พบว่า อันดับ 1 คือ ความรัก/ผูกพันต่อกัน 41% รองลงมา การอยู่ร่วมกัน 29% การมีงานทำ/มีรายได้ของหัวหน้าครอบครัว 15% และการให้การศึกษาแก่สมาชิก 15% ส่วนความรู้สึกต่อวันครอบครัว 54% หรือเกินครึ่งรู้สึกเฉยๆ อีก 43% ดีใจ 2%เสียใจ และอื่นๆ 1% ขณะที่สิ่งที่นึกถึงในวันครอบครัว มากที่สุด 45%คือความสุข ส่วน 40% นึกถึงการไปเที่ยว ทำกิจกรรมร่วมกัน เมื่อถามถึงความเข้มแข็งของครอบครัว พบว่า สถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ครอบครัวมีความเข้มแข็งมาก 52% ความอบอุ่นอยู่ในระดับมาก 52% แต่ก็ยังพบว่าเยาวชน 10% ครอบครัวไม่เข้มแข็งและไม่อบอุ่นเลย ส่วนความสุขเมื่อได้อยู่กับครอบครัว 83% มีความสุขมาก เช่นเดียวกับ 92% เยาวชนรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับครอบครัว

นางเพ็ญพรรณ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการยอมรับและเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม ในการตัดสินใจเรื่องครอบครัวจากสมาชิกในครอบครัว พบว่า เปิดโอกาสในระดับมาก 56% ปานกลาง 37% และหากจำแนกเป็นรูปแบบของครอบครัว พบว่า ครอบครัวพ่อแม่-ลูก จะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมมากที่สุด 3.55% ขณะที่ ครอบครัว 3 รุ่น เปิดโอกาส 3.52% แต่ครอบครัวข้ามรุ่น เปิดโอกาสระดับน้อยเพียง 3.24%

สำหรับลักษณะครอบครัวที่เยาวชนต้องการ อันดับ 1 คือ ความรักต่อกัน 24% อันดับ 2 การมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน และไม่ทะเลาะ หรือใช้ความรุนแรง 22% อันดับ 3 มีบ้าน ที่อยู่เป็นของตนเอง 20% สำหรับความกังวลต่อครอบครัว ในภาพรวมเยาวชนกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอันดับ 2 คือ การทะเลาะวิวาท ใช้ความรุนแรง และอันดับ 3 คือ หนี้สิน อย่างไรก็ตามหากจำแนกตามกลุ่มรายได้ จะพบว่า เยาวชนในกลุ่มรายได้น้อย มีความกังวลเรื่องหนี้สินเป็นอันดับ 1 ตามด้วยปัญหาอบายมุขและสิ่งเสพติด และการไม่มีบ้านและรถ ทั้งนี้ในสายตาของเยาวชนต่อสถานการณ์ของครอบครัวสังคมไทยในภาพรวม กลับมองว่าอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงถึง 70% ขณะที่มองว่าน่าชื่นชม 20% และเฉยๆ 10%

“จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ครอบครัวไทยในมุมมองของเยาวชน อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยความรัก ความห่วงใย และการใช้เวลาร่วมกัน เป็นสิ่งที่เยาวชนต้องการจากครอบครัวไทยมากที่สุด ซึ่งหากดูจากการใช้เวลาของประชากรไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า การใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวดีขึ้น จาก 2 ชั่วโมง เป็นเกือบ 3 ชั่วโมงซึ่งสิ่งที่ต้องทำต่อไป คือให้ 3 ชั่วโมงนี้กลายเป็นเวลาที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะการสื่อสารเชิงบวกในครอบครัว สร้างความเข้าใจกันในแต่ละช่วงวัย มีการสื่อสารทั้ง 2 ทาง โดยเฉพาะเด็กเล็กต้องดูแลใกล้ชิดและเหมาะสมซึ่งจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันแก่เด็กเมื่อโตขึ้น”นางเพ็ญพรรณ กล่าว

ด้าน น.ส.ณัฐยา บุญภักดีเจ้าหน้าที่บริหารแผนงานเยาวชนยูเอ็นเอฟพีเอ กล่าวว่า ภาพรวมของครอบครัวไทยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา จากรายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 พบว่า รูปแบบครอบครัวไทยในปัจจุบัน ทั้งสิ้น 7 ประเภท ดังนี้ อันดับ 1 ครอบครัวสามรุ่น 37% อันดับ 2ครอบครัวพ่อแม่ลูก 27% อันดับ 3 คู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตร 16% อันดับ 4 ครัวเรือนอยู่คนเดียว 14% อันดับ 5 ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 7% อันดับ 6 ครัวเรือนข้ามรุ่น 2% และอันดับ 7 ครัวเรือนที่ไม่ใช่ญาติ 1% ซึ่งมีความเป็นชุมชนแบบหนึ่ง ทั้งชุมชนของเพื่อนฝูง หรือคนที่ไม่ใช่ญาติ แต่มีสายสัมพันธ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าปัจจุบันครอบครัว3รุ่น เป็นครอบครัวประเภทหลักและมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในชนบท ส่วนครอบครัวพ่อแม่ลูก จากที่เคยเป็นประเภทหลักก็ลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง ขณะที่ครอบครัวคู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูก เพิ่มขึ้น 3 เท่าและเพิ่มขึ้นในเขตชนบทสูงกว่าในเมือง ส่วนครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อย แต่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 970,000 ครัวเรือน เป็น 1.37 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ ยังพบรูปแบบครอบครัวที่หลากหลาย เช่น ครอบครัวเพศเดียวกัน ครอบครัวที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่งไม่มีข้อมูลเชิงสถิติชัดเจน อีกทั้ง ปัจจุบันการใช้ชีวิตคู่ของคนเพศเดียวกันในไทยยังไม่ได้รับรองสถานภาพทางกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการ สิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐที่จัดให้แก่คู่สมรสและบุตร อาทิ การลดหย่อนภาษีเงินได้ การรักษาพยาบาล การรับบุตรบุญธรรม การรับมรดก เป็นต้น

“ความหมายของครอบครัวยุคใหม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก จึงไม่สามารถใช้ความหมายแบบเดิมไปเป็นตัวกำหนดนโยบาย หรือ บริการแบบเดิมได้ ถ้ากฎหมายและระบบสวัสดิการปรับตัวไม่ทัน เราก็จะละเลย กีดกันคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในครอบครัวหลากหลายรูปแบบ ซึ่งหนทางหนึ่งที่จะติดตามสถานการณ์ได้ทันการณ์คือการเปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทในกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะให้มากขึ้น”น.ส.ณัฐยา กล่าว