เร่งล่าฆาตกรฆ่าเด็ก 8 ขวบยโสธร หมกศพใต้ถุนบ้านร้าง

เร่งล่าฆาตกรฆ่าเด็ก 8 ขวบยโสธร หมกศพใต้ถุนบ้านร้าง

ตร.เร่งล่าฆาตกรฆ่าเด็ก 8 ขวบยโสธร หมกศพใต้ถุนบ้านร้าง ขณะที่ผู้เป็นลุงยังให้การปฏิเสธ

จากกรณีเด็กชายภาณุวัฒน์ กล้าดี อายุ 8 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 2 บ้านโพนทัน ต.โพนทัน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร หายตัวไปจากบ้าน ที่ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.60 เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 60 พบศพเด็กในบ้านร้างท้ายหมู่บ้าน เป็นบ้านร้างและปลอดคน มีลักษณะคล้ายคราบเลือดหยดอยู่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบแล้วด้านแพทย์ระบุว่า สภาพศพ กะโหลกศีรษะด้านขวาแตกยุบ ฟันหัก คาดถูกฆาตกรรม จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจยังไม่ระบุว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.60 หลังจากได้รับแจ้ง ตำรวจ สภ.คำเขื่อนแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจงเงาได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตามความคืบหน้า จากการสอบถามนางเบญจมาภรณ์ ยินงาม อายุ 33 ปี มารดาของเด็กชายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากลูกหายออกจากบ้าน จึงพร้อมด้วยชาวบ้านได้ช่วยกันออกตามหาในทุ่งนา และหมู่บ้านใกล้เคียง โดยเฉพาะตามสระน้ำ

นางเบญจมาภรณ์ เล่าว่า ได้เลิกร้างกับสามีเมื่อหลายปีก่อน โดยได้มีสามีใหม่และไปพักอาศัยอยู่กับสามีใหม่ โดยลูกชายอยู่กับตาและน้า ลูกชายเป็นเด็กขยัน จะช่วยตาทำงานบ้านทุกอย่าง ทุกเย็นลูกชายจะออกไปช่วยให้อาหารหมูที่ตาเลี้ยงเอาไว้ที่ทุ่งนาเป็นประจำทุกวัน

“หลังจากลูกหายจากบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 60 ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว และแจ้งคนหายไว้กับมูลนิธิกระจกเงาเพื่อให้ช่วยตามหาอีกทางหนึ่ง จนผ่านไป 4 วันมีชาวบ้านที่ช่วยตามหาไปพบลูกชายเป็นศพขึ้นอืดซุกอยู่ใต้บ้านร้างไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านโพนทัน ห่างจากบ้านพัก 100 เมตร” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าเด็กหายออกจากบ้าน ได้ติดตามหาข่าว จนกระทั่งมีชาวบ้านแจ้งว่าพบศพของเด็กที่หายตัวไป เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพศพ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าเด็กถูกฆาตกรรมมาจากที่อื่นแล้วนำศพไปซ่อนไว้ใต้ถุนบ้านร้าง ส่วนความชัดเจนต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรเข้าตรวจสอบและชันสูตรพลิกศพให้ละเอียดอีกครั้งว่าเด็กเสียชีวิตจากอาวุธชนิดใด

จากการสืบสวนสอบสวนชาวบ้าน ทราบว่า ญาติเข้าใจว่าเด็กออกไปเลี้ยงหมูเหมือนปกติ กระทั่งดึกไม่เห็นกลับบ้านจึงช่วยกันออกตามหา แต่ก็ไม่พบตัว ที่คอกหมูพบแต่ผู้เป็นลุงซึ่งมีพฤติการณ์สูดดมสารระเหยอยู่เป็นประจำพักอาศัยอยู่ โดยชาวบ้านอ้างว่า ลุงอยู่ในอาการคล้ายมึนเมาสารระเหยพูดจาไม่รู้เรื่อง

เบื้องต้นตำรวจได้ควบคุมตัวลุงไว้ก่อน เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ลงมือฆ่าเด็ก แต่ผู้เป็นลุงให้การปฏิเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกตัวญาติและผู้ใกล้ชิดทั้งหมดเข้าให้ปากคำ เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริงในครั้งนี้ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย