ชงแผนปฏิบัติการรับปีหน้าคาดเอกชนลงทุน4แสนล.

ชงแผนปฏิบัติการรับปีหน้าคาดเอกชนลงทุน4แสนล.

"อุตสาหกรรม" เร่งแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเอสเคิร์ฟ-อีอีซี–เอสเอ็มอี คาดเห็นผลใน 1 ปี พร้อมปรับโครงสร้างกระทรวง มั่นใจต้องเสร็จภายในครึ่งปีแรก

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับข้าราชการ เนื่องในโอกาสเข้าทำงานเป็นวันแรกว่าให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าจัดทำแผนปฏิบัติการ(Agenda)ในการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้เป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี หรือ ในปี 2560 จะต้องเห็นกรอบการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ที่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จะสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศระยะ 20 ปี เพื่อขับเคลื่อนสู่นโยบายประเทศไทย4.0โดยภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการคือ จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ซึ่งจะมีความชัดเจนในเรื่องของพ.ร.บ.อีอีซี ที่จะขับเคลื่อนการลงทุนในภาคตะวันออกของไทยใน3จังหวัดได้แก่ ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทราโดยคาดว่าไม่เกินกลางปีจะผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการลงทุนในปี2560เพิ่มขึ้น

“ในต้นปี 2560 แผนงานของกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องเห็นภาพที่ชัดเจน ทั้งกรอบระยะเวลาดำเนินการ และเป้าหมายของแต่ละแผนงาน เช่น การขับเคลื่อน10อุตสาหกรรมเป้าหมาย การลงทุนในอีอีซี การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อเตรียมนำรายงานแผนการทำงานต่อนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ทุกกระทรวงส่งแผนการทำงานภายใน60วัน หรือ ไม่เกินไตรมาสแรกปีหน้า”

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องเร่งปรับบทบาทเน้นงานด้วยส่งเสริมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย จากเดิมที่เน้นงานด้านการกำกับดูแลเป็นหลัก เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งภายในสัปดาห์หน้า จะหารือทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเร่งปรับโครงสร้างกระทรวงฯให้แล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2560

คลังคาดเอกชนลงทุนปีหน้า4แสนล.

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทุนของภาคเอกชนในปีหน้า จะมีสัดส่วนถึง “ครึ่งหนึ่ง” ของการลงทุนภาครัฐ หรือราว 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจในปีหน้า

การลงทุนภาครัฐในปีหน้า คาดว่า จะมีเม็ดเงินลงทุนรวมกันราว 8 -9 สนล้านบาท ซึ่งมาจากการทำงบประมาณขาดดุลราว 4 แสนล้านบาท,การลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกราว 3 แสนล้านบาท และการทำงบกลางปีอีก 1.9 แสนล้านบาท จะเป็นตัวกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนตาม

“หากผลักดันภาคเอกชนให้สามารถขยายการลงทุนได้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ตามศักยภาพของเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งอยู่ราว 4 - 5%”

ทั้งนี้ ในปีนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดว่า เศรษฐกิจไทย จะขยายตัวเฉลี่ยที่ 3.3 % ถือว่า เป็นระดับการขยายตัวที่สูงกว่าปี 2558 ที่ขยายตัว 2.8 %

ส่วนปีหน้าสศค. คาดว่า เศรษฐกิจไทย จะขยายตัว 3.4 % โดยมีช่วงอยู่ที่ 2.9-3.9% โดยการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า จะได้รับหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง และรวมถึงการปรับตัวดีขึ้นของรายได้เกษตรกร จากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นตามราคาตลาดโลก

ยังไม่มีนโยบายต่ออายุลดหย่อนภาษี2เท่า

นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนของเอกชน ที่ให้นำรายจ่ายการลงทุนในปีนี้ มาหักลดหย่อนภาษีได้สองเท่า ซึ่งมาตรการนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีนโยบายว่าจะต่ออายุของมาตรการนี้ออกไป แต่เชื่อว่าในปีหน้า แม้ไม่มีมาตรการภาษี ส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว ก็คาดว่าเอกชนจะต้องขยายการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะภาครัฐลงทุนสูง

ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชน ในปีนี้ สศค.คาดว่า จะมีอัตราการขยายตัวที่ 1.6 % ซึ่งดีขึ้นกว่าช่วง ปี 2557 และ 2558ที่ขยายตัวติดลบ 1% และติดลบ 2 % ตามลำดับ ในขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวในระดับสูง โดย ปี 2557 ถึง 2559 ขยายตัว ลบ 7.3 % , บวก 29.8 % และ บวก 10.7% ตามลำดับ

“ซีไอเอ็มบี” หั่นจีดีพีปีหน้าเหลือ 3.2%

ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะเติบโตได้ในระดับ 3.2% ลดลงจากการประเมินครั้งก่อนหน้าที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 3.5% และลดลงจากปี 2559 ที่คาดว่าจะโตในระดับ 3.3% เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก นโยบายการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกระทบโดยตรงต่อจีนและกระทบทางอ้อมกับไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในโลกมากระทบภาคการส่งออกไทยให้ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยคาดว่าการส่งออกในปี 2560 จะอยู่ในระดับติดลบ 0.6% ลดลงจากปี 2559 ที่คาดว่าจะติดลบ 1.2%

นอกจากนี้ ยังประเมินว่าในไตรมาสที่ 1/2560-2/2560 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับต่ำกว่า 3% เพราะนักลงทุนต่างประเทศเริ่มปรับตัวรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าจากประเทศสหรัฐ การบริโภคภาคเอกชนยังเพิ่มขึ้นไม่มาก

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยและการลงทุนของภาคเอกชนจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่การลงทุนของรัฐบาลไทยโดยเฉพาะการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เริ่มมีเงินลงระบบจริง ส่งผลให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นและเริ่มลงทุนตาม จากก่อนหน้านี้ที่เอกชนและธุรกิจขนาดใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ แม้ภาครัฐจะออกนโยบายลดหย่อนภาษีกระตุ้นการลงทุนก็ยังไม่เห็นผล อีกส่วนหนึ่งเพราะการใช้กำลังการผลิตของภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 60%

อุตฯอากาศยานขอบีโอไอทะลุ2.1หมื่นล้าน

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่าในช่วง10เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.–ต.ค.2559)มีกิจการที่เกี่ยวข้องกับการบินและอากาศยานยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการขนส่งทางอากาศในประเทศไทยที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อธุรกิจการบินและการขนส่งทางอากาศขยายตัวเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยดึงดูดให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินและอากาศยานตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในด้านต่างๆ

ทั้งนี้ พบว่าในช่วง10เดือนมีกิจการขนส่งทางอากาศยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน14โครงการ เงินลงทุนรวม16,580 ล้านบาท มีกิจการด้านชิ้นส่วนอากาศยานยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน3โครงการ เงินลงทุนรวม376ล้านบาท เช่น กิจการผลิตชิ้นส่วนเก้าอี้สำหรับอากาศยาน 2 โครงการ เงินลงทุน112ล้านบาท.กิจการผลิตใบพัดคอมเพรสเซอร์ เงินลงทุน200ล้านบาท กิจการซ่อมอากาศยาน เช่น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์2โครงการ เงินลงทุนรวม240ล้านบาท และมีกิจการผลิตยางล้ออากาศยานยื่นขอรับส่งเสริมแล้วจำนวน3โครงการ เงินลงทุนรวม5,683ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการพบปะหารือกับบริษัทในกลุ่มอากาศยาน พบว่า เร็วๆ นี้จะมีโครงการลงทุนในด้านศูนย์ฝึกอากาศยานแบบครบวงจร จะยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน เพื่อเปิดศูนย์ฝึกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ประเทศไทย และจะสามารถพัฒนาบุคลากรด้านการบินในทุกแขนง และยังมีบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศหลายรายกำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนผลิตยางล้ออากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยานอีกด้วย

“ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ คาดว่าจะมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจากต่างชาติเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนอีกประมาณ 5 พันล้านบาท รวมแล้วในปีนี้คาดว่าจะมียอดขอรับการส่งเสริมฯรวมในอุตสาหกรรมอากาศยานประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท”