'พิชัย' ย้ำเช็คช่วยชาติ2พันบ. สมัย 'ปชป.' ล้มเหลว

'พิชัย' ย้ำเช็คช่วยชาติ2พันบ. สมัย 'ปชป.' ล้มเหลว

"พิชัย" ยันเช็คช่วยชาติ2พันบาท สมัย "ปชป." ล้มเหลวหรือไม่ ชี้แจกแล้วเศรษฐกิจยังติดลบต่ออีก 6 เดือน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน ทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ระบุถึงการแจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ว่าช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ว่า อยากให้นายกรณ์กลับไปดูผลการแจกเช็คช่วยชาติที่แจกในเดือนมีนาคม 2552 หลังจากแจกแล้ว 3 เดือนถัดมาเศรษฐกิจในไตรมาสสองก็ติดลบ 4.9% และ ถัดมาอีก 3 เดือนในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจก็ยังติดลบ 2.8% ซึ่งเป็นการติดลบ 6 เดือนติดกัน หลังจากแจกเช็คช่วยชาติ

จึงพิสูจน์แล้วจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นจริงว่า การแจกเช็คช่วยชาตินั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลจึงควรศึกษาก่อนที่จะลอกแบบการแจกเงินของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ การที่นายกรณ์เอาโครงการไทยเข้มแข็งมาเป็นผลงานนั้น อยากถามประชาชนว่า ใครจำได้ไหมว่าไทยเข้มแข็งที่ใช้เงินไป 400,000 ล้านบาท ได้ทำอะไรเป็นผลงานจับต้องได้บ้าง

นอกจากโรงพัก 396 แห่งที่สร้างไม่เสร็จ เครื่องกดน้ำพลังแสงอาทิตย์ และปัญหาโรงงานผลิตวัคซีน ไม่มีผลงานจับต้องได้เลย

นายพิชัย กล่าวอีกว่า แปลกใจที่คนระดับนายกรณ์กลับไม่เข้าใจว่า การแจกแทบเล็ตนั้น เป็นการให้เยาวชนที่ด้อยโอกาสสามารถเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตที่เป็นอนาคตของโลกได้ เป็นการเตรียมพัฒนาการศึกษาของเยาวชนเพื่ออนาคตของชาติ พรรคเพื่อไทยคิดไว้ล่วงหน้าหลายปีก่อนที่อินเตอร์เนตจะมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการวางรากฐานของดิจิทัล อิโคโนมี อย่างแท้จริง

และโครงการนี้มีส่วนทำให้ไทยได้รับรางวัล ไอทียู อวอร์ด จากยูเอ็น ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปรับ นอกจากนี้ อยากให้พรรคประชาธิปัตย์พัฒนาวิธีคิดในระดับเดียวกัน ไม่ใช่คิดได้แค่จะชั่งไข่ขายเท่านั้น

ส่วนนโยบายรถคันแรกนั้นเป็นการตั้งใจเพิ่มดีมานด์ เพราะต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง ซึ่งพอดำเนินการก็มีบริษัทรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกแห่กันมาขอบีโอไอตั้งโรงงานผลิตในไทยกันหมด โดยในอนาคตไทยจะสามารถส่งออกรถยนต์ไปประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและนำเงินเข้าไทยได้ แต่พอเกิดการปฏิวัติ บริษัทรถยนต์ต่างๆ ก็หันไปลงทุนที่อื่น เช่น อินโดนิเซีย เวียดนาม กันหมด แต่ก็ต้องขอขอบคุณที่นายกรณ์ชื่นชมนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโลกและ OTOP ที่ดำเนินการมากว่า 10 ปีแล้ว ยังเป็นที่นิยมของประชาชน

และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์พัฒนานโยบายที่มีคนพูดถึงกันบ้าง ไม่ใช่มีแต่วาทกรรมหรูๆ แต่ประชาชนจับต้องไม่ได้ เช่น ประชาวิวัฒน์ที่จำได้แค่เรื่องจะชั่งไข่ขาย ไทยเข้มแข็งที่สุดท้ายไม่รู้ว่าใครเข้มแข็ง ซึ่งหากพัฒนาความคิดได้ พรรคประชาธิปัตย์จะได้มีโอกาสชนะการเลือกตั้งบ้าง ไม่ใช่ต้องออกมาประท้วงทุกครั้งที่เลือกตั้งแพ้ และหวังอำนาจพิเศษช่วยอย่างเดียว