BEM - ถือ

BEM - ถือ

กำไรไตรมาส 2/59 ลดลง 1%YoY และ 27%QoQ คงประมาณการทั้งปีตามเดิม

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- รายงานกำไรไตรมาส 2/59 ที่ 504 ล้านบาท : BEM รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/59 ลดลง 1%YoY และลดลง 27%QoQ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากค่าธรรมเนียมทางการเงินในการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดของธุรกิจรถไฟฟ้าจำนวน 212 ล้านบาท โดยหากไม่รวมค่าใช้จ่ายดังกล่าวบริษัทจะมีกำไร 716 ล้านบาทซึ่งเติบโต 40%YoY และเติบโต 2%QoQ เนื่องจากมีผลประโยชน์จากการรวมธุรกิจ ขณะที่รายได้ปรับตัวลง 4%QoQ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

- คงประมาณการกำไรปี 59 ที่ 3,302 ล้านบาทเติบโต 25%YoY : แม้ว่ากำไร 1H59 จะคิดเป็น 37%ของประมาณกำไรปี 59 ของเราที่ 3,302 ล้านบาท แต่ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 59 ตามเดิม เนื่องจากมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลังที่จะไม่มีค่าธรรมเนียมในการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด อีกทั้งการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-บางซื่อและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกในวันที่ 6 ส.ค. และ 22 ส.ค. ตามลำดับจะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตในอนาคต แม้ว่าในช่วงแรกจำนวนผู้ใช้บริการจะต่ำกว่าเป้าที่ประเมินไว้ แต่ฝ่ายวิจัยคาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นหากมีการเดินรถเชื่อมระหว่างสถานีเตาปูน-บางซื่อซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/60 ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มเป็น 7 หมื่นคนต่อวัน(ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 2 หมื่นคนต่อวัน) เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการปี 60 โดยเราคาดกำไรปี 60 อยู่ที่ 4,184 ล้านบาทเติบโต 27%YoY

- รายได้ในอนาคตมีศักยภาพเติบโตในการประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย : BEM มีศักยภาพเติบโตในอนาคตเมื่อผนวกความแข็งแกร่งระหว่าง BECL (แข็งแกร่งด้านเงินทุนและการบริหารทางพิเศษ) และ BMCL (มีความเชี่ยวชาญในการเดินรถไฟฟ้า) ล่าสุดได้เข้าซื้อซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีส้มซึ่งคาดว่าจะทราบผลการประมูลในไตรมาส 4/59 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของ BEM เติบโตได้ได้ต่อเนื่องในอนาคต (ฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมผลบวกจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู เหลือง และส้มในประมาณการ)

- แนะนำ "ถือ" พร้อมปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 60 ที่ 7.40 บาท : ฝ่ายวิจัยปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 60 โดยประเมินมูลค่าด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 1 เท่าด้วยอัตราการเติบโต 27% ที่กำไรต่อหุ้น 0.274 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมราว 7.4 บาท แม้จะต่ำกว่าราคาปิดล่าสุดแต่ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสชนะงานประมูลใหม่เพิ่มเติมทำให้มี Upside ในอนาคตจึงคงคำแนะนำ “ถือ”