บลจ.ทาลิสเผย4เดือนกองทุนส่วนบุคคลทะลุเป้า 2 พันล้าน

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) หลังเปิดดำเนินการ 4 เดือน เนื่องจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายใหญ่ ที่ให้ความไว้วางใจให้บริหารกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าทั้งปีที่วางไว้ 

ขณะนี้ก็ยังมี นักลงทุนรายใหญ่ สนใจเข้ามาขอรับคำปรึกษาเรื่องการลงทุน และไว้วางใจให้บริษัทบริหารกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงปรับเพิ่มเป้าเอยูเอ็ม ในส่วนของ Private Fund สิ้นปีนี้เป็นมากกว่า 3,000 ล้านบาท

"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกจะมีความผันผวน แต่ในแง่ของผลตอบแทนของ Private Fundภายใต้การบริหารของทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเป็นมืออาชีพ ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจของลูกค้า เนื่องจากสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนได้สอดรับกับทิศทางตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดตราสารหนี้ที่มีความผันผวน ทำให้มีการบอกกันปากต่อปาก เป็นวงกว้าง และทำให้ AUM เติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้าในเวลาเพียงไม่นาน”

นายฉัตรพี กล่าวว่า นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อย ก็มีการสอบถามเข้ามาจำนวนมาก ทำให้บริษัทเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันกำลังเตรียมขอรับใบอนุญาตจัดตั้งกองทุนรวม จากสำนักงานก.ล.ต. คาดเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปีนี้ และจากการสอบถามรายย่อยจำนวนมาก ทำให้มั่นใจปีนี้เอยูเอ็ม ของบริษัทจะมีมูลค่ามากกว่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก และผลจากการบริหารเงินลงทุนของลูกค้าจนได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ทำให้มีการแนะนำกันแบบปากต่อปาก โดยลูกค้าเก่าก็มีการลงทุนเพิ่ม ขณะที่ลูกค้าใหม่ก็เข้ามาปรึกษาและตัดสินใจให้ บลจ.ทาลิส บริหารเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน Private Fund ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทาลิส ช่วงที่ผ่านมา สำหรับกองทุนของลูกค้าที่ลงทุนตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานเฉลี่ยรวม 17-18% ส่วนกองทุนของลูกค้าที่ลงทุนตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานเฉลี่ยโดยรวม 14% ขณะที่ SET TRI ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 4%

“กองทุนส่วนบุคคล ที่บริหารอยู่ในปัจจุบันจะโฟกัสเฉพาะตลาดหุ้นไทย เน้นลงทุนหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็ก ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม”

ตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับนักลงทุนมองหาสินทรัพย์เพื่อลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนสูง จึงคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ กระแสเงินทุนยังไหลเข้าตลาดหุ้นและกองทุนรวมประเภทที่ลงทุนในหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งจะมีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีมีโอกาสเห็นดัชนีหุ้นไทยแตะระดับ 1,500-1,600จุด และปี2560 มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปทะลุระดับ1,700-1,800 จุดได้