ศาลสั่งริบทรัพย์ 'พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์'กว่า25ล้าน

ศาลสั่งริบทรัพย์ 'พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์'กว่า25ล้าน

ศาลแพ่ง พิพากษาสั่งริบทรัพย์"พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก." กว่า 1,000 รายการ 25 ล้านบาทเศษ ตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายฟอกเงิน

ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์สิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. รวม 1,014 รายกาย มูลค่า 25,159,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49 , 51 , 58                              

กรณีสืบเนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก มีพฤติการณ์กระทำผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับการพนัน โดยขณะดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ก.ได้ร่วมกับพวก เรียกร้องเงินจากข้าราชการตำรวจที่ขอแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญรายละ 3 – 5 ล้านบาท เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้วต้องนำเงินส่งให้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท – 2 ล้านบาท                                

นอกจากนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนทางน้ำเป็นเงินเดือนละ 2 - 5 ล้านบาท และยังร่วมกับพวก เช่าสถานบริการอาบอบนวดโคลอนเซ่ เพื่อเปิดบ่อนการพนันถั่วครอบ โดยนำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปชื้อทรัพย์สินต่างๆ ต่อมา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญา ฐานความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ รัชทายาทฯ ,พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ พ.ร.บ.การพนัน ซึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ง. ตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดแล้วเสนอ อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลยึดทรัพย์ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวน 1,014 รายการ พร้อมดอกเบี้ยให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้าน                             

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับราชการตำรวจ มีรายได้จากเงินเดือนทางราชการ อีกทั้งไม่มีหลักฐานมาแสดงว่ามีรายได้พิเศษอย่างอื่น ซึ่งการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อปี ระบุมีเงินได้ปีละ 1 ล้านบาทเท่านั้น แต่กลับมีทรัพย์สินต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยทรัพย์สิน 1,014 รายการมีมูลค่าถึง 25 ล้านบาทเศษโดยไม่สามารถแสดงถึงการได้มาโดยชอบของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และเมื่อพนักงานอัยการยื่นคำร้องคดีนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็ไม่ได้โต้งแย้งคัดค้าน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าทรัพย์สินตามรายการข้างต้น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงมีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง                                 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ปัจจุบัน ถูกคุมขังตามคำพิพากษาคดีอาญา 7 สำนวน รวมจำคุกทั้งสิ้น 36 ปี 3 เดือน ซึ่งถูกที่อัยการยื่นฟ้อง 7 ฐานร่วมกันฟอกเงิน , เรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน , รับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ในบช.ก.  , ลักลอบเปิดบ่อนพนันโคลอนเซ่ ย่านพระราม 9  , กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ , คดีลักลอบครอบครองวัตถุโบราณ และคดีรับของโจร โดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ให้การรับสารภาพคดีอาญาตลอดทุกข้อกล่าวหา