'อภิสิทธิ์'ชี้ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง สะท้อนปัญหาตำรวจ

'อภิสิทธิ์'ชี้ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง สะท้อนปัญหาตำรวจ

"อภิสิทธิ์"ชี้ข่าวการซื้อขายตำแหน่งสะท้อนปัญหาตำรวจ เชื่อถ้ารัฐบาลเดินหน้าปฏิรูป ประชาชนจะเห็นความตั้งใจในการแก้ปัญหาประเทศ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิก สปช. ถูกตำรวจดำเนินคดีเรื่องการส่งข้อความทางไลน์ ที่ระบุว่ามีการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ โดยพล.อ.ประวิตร ก็ออกมายืนยันว่าถ้ายังอยู่ในตำแหน่ง ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจแน่ว่า ปัญหาในวงการตำรวจ ทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่สมัยรัฐบาลของตน ก็ต้องยอมรับว่ามีข้อครหาเกี่ยวกับเรื่องของการซื้อขายตำแหน่ง ของการวิ่งเต้นในการโยกย้ายตลอดเวลา ความพยายามในการที่จะปรับระบบเรื่องนี้ ที่มีทั้งสำหรับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ     (กตช.) และ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(กตร.)  แม้กระทั่งเมื่อมีการรัฐประหารแล้วก็มีการมาแก้กฎหมาย รวมไปจนถึงมีคำสั่งที่ใช้มาตรา 44 ล่าสุด เพื่อให้การโยกย้ายแต่งตั้งไม่มีการโต้แย้ง เพราะฉะนั้นตรงนี้มันเป็นจุดหนึ่งที่เป็นสาเหตุที่มีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจ 

"จริงๆ ก็มีการพูดกันมานานก่อนหน้านั้นด้วย ซึ่งผมแสดงความเป็นห่วงหลายครั้งว่า เอาเข้าจริงๆ เราก็ยังไม่ทราบชัดเจนว่า ตกลงจะเป็นอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตีพูดในสภาว่า เดี๋ยวเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่งั้นทำงานไม่ได้อะไรทำนองนี้ มันยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องยาก เรื่องใหญ่  ถ้าถามว่าการกล่าวหา หรือข้อครหาซื้อขายตำแหน่ง ถามกันตรงๆ ว่าได้ยินกันบ้างมั้ย ผมว่าทุกคนก็ได้ยินทั้งนั้น แล้วก็ถ้าเกิดไปมีการดำเนินคดีตรงนี้กับ พูดตรงๆ กับบุคคลซึ่งความจริงพยายามที่จะมาตรวจสอบ เพราะว่าคิดว่าเป็นหน้าที่ในการที่จะต้องมาแก้ปัญหาในวงการตำรวจ ผมว่ามันจะนำไปสู่การเผชิญหน้าที่ ไม่จำเป็น และไม่น่าจะเป็นผลดีอะไรกับใครทั้งสิ้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว    

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำตอนนั้นคือการเชิญ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เข้ามาช่วยดูปัญหาดังกล่าว  แล้วก็บอกว่าจริงๆ มันมีระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการลำดับอาวุโสต้องมีการเปิดให้ชัดเจน  แล้วก็กระบวนการในการโยกย้ายแต่งตั้ง ก็จะอิงอยู่กับระเบียบตรงนั้น แล้วก็จัดทำเป็นคู่มือ ก็พอทำไปแล้วก็รู้สึกว่าครั้งต่อๆ มาก็ค่อนข้างจะเบาลง ซึ่งครั้งนี้เมื่อ พล.อ. ประวิตร  ยืนยันว่าในยุคนี้จะไม่ให้มี ตนเห็นว่า  คงไม่ใช่ด้วยวิธีการไปดำเนินคดีกับคนที่บอกว่าเขาได้ยินมา  ควรที่บอกว่า ถ้ามันมีข้อครหา มีใครมีข้อมูลไหม ถ้ามีก็จะได้มีการตรวจสอบ และก็เป็นโอกาสดีอีกเช่นเดียวกัน พลิกให้มันเป็นโอกาสอีกเช่นเดียวกันว่า แล้วก็ที่พูดถึงเรื่องการปฏิรูปตำรวจว่าทำอย่างไร ให้การโยกย้ายแต่งตั้งมันมีความเป็นธรรม จะมีกลไก มีวิธีอย่างไรที่ดีกว่าเดิม ที่จะเป็นหลักประกันได้ ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ แต่เป็นข้าราชการทั้งหมด เพียงแต่ว่าเรื่องของตำรวจ เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก เพราะว่าโยกย้ายแต่งตั้งแต่ละครั้ง ข่าวเรื่องการวิ่งเต้น เรื่องอะไรต่างๆ มันก็จะเยอะแยะไปหมด

"สมัยผม ตอนนั้นยังไม่มี คือประเมินแล้วแก้กฎหมาย ก็ใช้วิธีการออกเกณฑ์ ออกคู่มือมาให้เกิดความมั่นใจในขั้นตอนในการปฏิบัติมากขึ้น แต่ยุคนี้เมื่อมันเป็นความคาดหวัง แล้วเหมือนกับเป็นนโยบายของรัฐอยู่แล้วเรื่องการปฏิรูป ก็ควรที่จะเร่งหากลไกอะไรที่จะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น จะต้องปรับปรุง กตช. กตร.  ก็ทำให้มันถาวรเสีย ผมถึงย้ำหลายครั้งว่า ไม่ค่อยสบายใจเลยว่า ส่วนใหญ่ตอนนี้เป็นเรื่องของการใช้มาตรา 44 ยกเว้นเรื่องนี้ หรือยกเว้นเรื่องนั้น  คือยกเว้นไปเรื่อยๆ เสร็จแล้วพอต่อไปไม่มีมาตรา 44 จะแก้ปัญหากันอย่างไร เพราะฉะนั้นอยากให้เร่งดำเนินการ ซึ่งผมไม่อยากเห็นการเผชิญหน้า  ว่าเรื่องนี้ไปดำเนินคดีกับบุคคล และผมเชื่อว่าไม่มีเจตนาที่จะทำอะไรให้เกิดความเสียหาย   ผมยืนยันว่าเรื่องนี้ถ้าเกิดเดินหน้า ก็จะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนเห็นชัดเจนเลยถึงความตั้งใจในการปฏิรูป เพราะตอนนี้หลายฝ่ายกังวลว่าตกลงรูปธรรมของการปฏิรูปมันคืออะไร"นายอภิสิทธิ์ กล่าว