คกก.ตรวจสอบชี้ทางแก้ปัญหาเอแบค คาด60วันสรุป

คกก.ตรวจสอบชี้ทางแก้ปัญหาเอแบค คาด60วันสรุป

คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเอแบค เผยคืบหน้าตรวจสอบ 3 ประเด็นปัญหา ได้ข้อมูลเกือบครบเห็นทางออกแล้ว คาดสรุปผลได้ทันในกรอบเวลา 60 วัน

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของมหาวิทยาลัยอัสสมชัญ (เอแบค) ที่มีดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตรมช.ศึกษาธิการ เป็นประธาน กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการฯได้นัดประชุมนัดแรกไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คณะกรรมการฯ แบ่งทีมไปหาข้อเท็จจริงจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 3 ประเด็น คือ 1.ปัญหาการดำเนินโครงการห้องปฏิบัติการเครื่องฝึกบินจำลองเสมือนจริง แบบแอร์บัส เอ 320 หรือ SImulator 2.ปัญหาการใช้จ่ายงบประมานของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ และ 3. ปัญหาการรายงานงบดุลปี 2557

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้ลงไปเก็บข้อมูลใน 3 ประเด็นและได้ข้อมูลเกือบครบถ้วนแล้ว ทำให้เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ ม.อัสสัมชัญ ซึ่งจากการลงไปเก็บข้อมูล พบว่าทุกฝ่ายมีความรักให้กับ ม.อัสสัมชัญ และให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลต่าง ๆด้วยดี แต่ข้อมูลยังขาดอีกบางส่วนที่ประชุมจึง แนะนำให้คณะกรรมการฯไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และให้นำมาหารือกันอีกครั้งในวันอังคารที่10 พ.ย.นี้

“ขณะนี้เราเห็นแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อให้ ม.อัสสัมชัญ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศต่อไป โดยเน้นความเข้มแข็งทางด้านวิชาการและความมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม คาดว่าคณะกรรมการฯ จะสามารถสรุปผลสอบได้ทันกรอบเวลา 60 วัน ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนด” รศ.นพ.สรนิต กล่าว

ด้านนายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ ผอ.ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฏหมาย และกรรมการสภา ม.อัสสัมชัญ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอใต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว คดีหมายเลขดำที่ พ.4970/2558 เพื่อขอเข้าทำธุรกรรมการเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา บัญชีชื่อมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยอ้างต่อศาลว่า ต้องใช้เงินบริหารจัดการมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้วินิจฉัยยกฟ้องแล้ว เนื่องจากยังไม่มีการสืบพยานหลักฐานที่ยืนยันว่า นายสุทธิพร เป็นรักษาการอธิการบดี ที่ถูกต้อง จึงไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินบัญชีม.อัสสัมชัญในฐานะ รักษาการอธิการบดี ดังนั้น ศาลจึงสั่งยกฟ้องเพราะไม่มีเหตุฉุกเฉินใดๆ ทำให้ นายสุทธิพร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีอำนาจลงนามและถอนเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตามเจตนารมณ์ได้

ขณะที่นายสุทธิพร กล่าวว่า ถึงแม้ศาลแพ่งจะไม่ คุ้มครองชั่วคราวตามที่ตนได้ยื่นคำร้องไป ตนก็ยอมรับการพิจารณาของศาล แต่จะไม่นิ่งเฉยและกำลังคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ และจะรอผลการสอบของคณะกรรมการฯ ซึ่งเชื่อมั่นว่าผลสอบที่จะปรากฏออกมานั้นคือความจริง