ผบ.ตร.เผยผู้ต้องสงสัยที่หนองคายไม่เกี่ยวคดีบึ้ม

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีการวางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า จากที่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดหนองคาย ควบคุมตัวชายที่มีใบหน้าคล้ายผู้ต้องหาชาวตุรกีตามหมายจับคดีระเบิดนั้น จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด และได้ปล่อยตัวไปแล้ว

ส่วนการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงษ์ นายซูแบร์ อับดุลลาห์ และผู้ต้องหาคนอื่นๆก็ยังอยู่ในระหว่างการติดตามตัว ซึ่งก็ได้มอบหมายให้พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปดูแล ติดตามในส่วนนี้แล้ว โดยตนเชื่อว่าสำหรับการหลบหนีของนายอ๊อดน่าจะมาจากประสบการณ์ของตัวนายอ๊อดเองที่เคยถูกจับกุมในคดีที่ผ่านมาหลายครั้ง ขณะที่ข้อมูลทางการเงินของนายอ๊อด ตนก็ยังไม่ทราบว่ามีการใช้จ่ายทางการเงินอย่างไร แต่เบื้องต้นคาดว่านายอ๊อดน่าจะมีความเชื่อมโยงในการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ โดยอาจจะเคยพบเจอกับนายอาเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซุฟู อย่างแน่นอน

ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้ สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายอาเดมนั้น ก็ยังเป็นมูลเหตุที่ทางการไทยเข้าไปทำลายขบวนการค้ามนุษย์เหมือนเดิม และยืนยันว่าตนไม่ได้พยายามเบี่ยงเบนหรือพุ่งเป้าไปยังประเด็นอื่นตามที่สังคมสนใจในขณะนี้ อีกทั้งจากการสืบสวนยังพบว่านายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน ก็ยังเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในการบงการการก่อเหตุใหญ่ที่สุด

ซึ่งในวันจันทร์ 12 ต.ค.นี้จะมีการเรียกประชุมคดีระเบิดที่บช.น. โดยมอบหมายหน้าที่หลักให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปดูแล และยืนยันว่าจะยังคงใช้ชุดทำงานเดิมในคดีนี้

ส่วนแนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินยังไม่ได้ส่งข้อมูลมา แต่ก็เข้าใจว่าการเงินเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเรียนเชิญเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยเข้ามาพูดคุยข้อมูลเกี่ยวกับนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน และ นส.วรรณา สวนสัน พร้อมสามีนั้น ก็ยังอยู่ในการดำเนินการ ซึ่งหากมีผู้ต้องหาในตุรกีจริง ก็อาจจะต้องประสานให้เป็นหน้าที่ของตำรวจสากล เนื่องจากไทยและตุรกีไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน