ผันผวนสูง -การปรับฐานยังคงไม่สิ้นสุด

ผันผวนสูง -การปรับฐานยังคงไม่สิ้นสุด

ถือเงินสด รอดูตลาดโลกหาจุด Bottom และ Fund flow หยุดการไหลออกจากตลาดหุ้น

Market Outlook

คาดดัชนีฯ วันนี้ ผันผวนสูง ตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน แนะนำ ถือเงินสด

คาดดัชนีฯ วันนี้ ผันผวนสูง โดยมีแนวรับ 1310/1300 จุด แนวต้าน 1336/1350 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากที่รีบาว์ได้ดีวานนี้ แต่ตลาดหุ้นโลกโดยรวมยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อเนื่อง (Dow Jones Futures ปรับตัวลงต่อในเช้านี้) แม้ว่าธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และ RRR วานนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลการเติบโตเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับระดับดัชนีที่ยังซื้อขายอยู่สูงกว่าระดับ PER
เฉลี่ยระยะยาวที่ 13.5 เท่า ทำให้มีโอกาสของปรับตัวลงต่อในระยะสั้น

กลยุทธ์ แนะนำ ถือเงินสด รอดูตลาดโลกหาจุด Bottom และ Fund flow หยุดการไหลออกจากตลาดหุ้น

ปัจจัยต่างประเทศ

จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ RRR วานนี้หลังช่วงปิดการซื้อขายของตลาดหุ้นเอเชีย ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. และได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็น ความพยายามที่จะบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าข่าวการปรับลดดอกเบี้ยของจีนถือเป็นข่าวบวก แต่นักลงทุนไม่ได้ตอบรับมากนัก โดยวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องอีกราว 1% จากช่วงต้นชั่วโมงการซื้อขายที่เปิดบวกกว่า 2-3% เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ Dow Jones Futures เช้านี้เปิดในแดนลบต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนถือว่าเป็นที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าของตลาด หลังจีนประสบปัญหาอัตราดอกเบี้ยในประเทศปรับสูงขึ้นจากสภาพคล่องที่หดตัว ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าซื้อเงินหยวนเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน

ดัชนีความผันผวน VIX ปรับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดย VIX เป็นดัชนีที่วัดความผันผวนของสัญญา Futures บนดัชนี S&P500 ซึ่งปกติจะมีการเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นโดยรวม ล่าสุดปรับขึ้นมาอยุ่ที่ระดับ 36 จุด สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี นับตั้งแต่วิกฤติหนี้ยุโรปปี 2011 ซึ่งเคยขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 48 จุด โดยในขณะที่นั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นโลกเกิดการปรับฐาน และตลาดหุ้นไทยมีความสัมพันธ์เชิงลบต่อ VIX เช่นกัน (ดูรูปประกอบในเล่ม)

ทั้งนี้ ในช่วงการเกิดวิกฤติหนี้ยุโรปปี 2011 ตลาดหุ้นสหรัฐ (ดัชนี S&P500) เกิดการปรับฐานราว 19% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเกิดการปรับฐานราว 25% โดยซื้อขายที่ระดับ PER ต่ำสุด 11.0 เท่า (หากเทียบกับจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 1,620 จุด หากดัชนี SET ปรับฐานลง 25% จะอยู่ที่ราว 1,215 จุด ขณะที่หากเทียบกับคาดการณ์กำไรปี 2015 ระดับดัชนีที่ PER 11 เท่า จะอยู่ที่ราว 1,000-1,020 จุด)

สัญญาณทางเทคนิค : ระยะสัปดาห์-เดือน จะเปลี่ยนจากรูปแบบ Sideway เป็น Downtrend ขนาดใหญ่ โดยมีแนวรับหลักที่ 1200 จุด หากดัชนีฯหลุดแนวรับหลัก 1345-1340 จุดลงมา อย่างไรก็ดี สัญญาณ Oversold ของ Indicators ต่างๆ และการห่างจากเส้น SMA 25 วันที่ 1425 จุดค่อนข้างมาก จะส่งผลให้ดัชนีฯ สัปดาห์นี้มีลุ้นเกิด Technical Rebound