Daily Market Outlook (25 ส.ค.58)

Daily Market Outlook (25 ส.ค.58)

ยังคงกังวลเศรษฐกิจจีน

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อวันนี้ แต่น่าจะไม่ลงแรงเท่าเมื่อวาน ปัจจัยลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและตลาดหุ้นจีนที่ยังร่วงต่อ ยังคงมีอิทธิพลเหนือปัจจัยบวกภายในประเทศ ซึ่งมีหลายประการในวันนี้ การดึงภาษีที่ดินกลับไปพิจารณาใหม่ มาตรการกระตุ้นรายได้ เกษตรกร ความคืบหน้าของโครงการทะวายล้วนเป็นปัจจัยบวก

เราคิดว่านักลงทุนทั่วโลกกลัวการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเกินไป และไม่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะนำเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ไม่ต้องถึงเศรษฐกิจโลก แค่เศรษฐกิจสหรัฐก็ใหญ่เป็นสองเท่าของเศรษฐกิจจีน โดยที่สองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐประกอบไปด้วยการบริโภคภายในประเทศ จึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยได้ ตรงกันข้ามเศรษฐกิจสหรัฐเป็นที่จับตามองถึงการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากจน Federal Reserve จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ด้วยซ้ำ เราคาดว่าตลาดหุ้นโลกน่าจะกลับมามีเสถียรภาพที่ดีขึ้นในไม่ช้า อนึ่งดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขณะนี้เป็นบวก สำหรับการซื้อขายวันนี้ ณ ระดับราคาหุ้นปัจจุบัน น่าจะถือเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดี


หุ้นเด่นวันนี้: EGCO (ราคาปิด 154.00 บาท; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 173.57 บาท)

เราเลือก EGCO เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ในฐานะที่เป็นหุ้น Defensive ท่ามกลาง Sentiment เชิงลบในตลาดปัจจุบัน โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าของ EGCO ซึ่งทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวตลอดอายุโครงการกับรัฐบาลและลูกค้าเอกชนช่วยสร้างกระแสเงินสดรับและกำไรสุทธิอย่างสม่ำเสมอบนความเสี่ยงที่ต่ำ ประกอบกับค่า Historical adjusted beta ของ EGCO ที่ต่ำโดยเปรียบเทียบเพียง 0.47 และการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอมาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยสะท้อนถึงความเป็นหุ้น Defensive อย่างแท้จริง อ้างอิงจากประมาณการของ Bloomberg consensus ถึงแม้กำไรสุทธิในปีนี้จะทำได้เพียงประคองตัวจากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักเนื่องมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ใช้เวลาในการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผน (Unplanned shutdown) นานกว่าคาดในช่วงครึ่งแรกของปี แต่กำไรสุทธิในปี 2559 จะกลับมาเติบโต 12% YoY อีกครั้งเนื่องจากจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้าหลายแห่งเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้ ขณะที่ยังสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในปีนีและปีหน้าได้อีกราว 4.1%-4.2% ในมุมมองทางด้านเทคนิคพบว่า Price Pattern ของ EGCO ยังคงมีสัญญาณการฟื้นตัวทางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อไป โดยในระยะสั้นคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเพื่อทดสอบเป้าหมายเบื้องต้นที่ 158 บาท ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ EGCO ยังมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ โดยสามารถปิดตลาดได้เหนือ 158 บาท คาดว่าจะทำให้ Price Pattern ของ EGCO ปรับตัวขึ้นไปต่อเพื่อทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 161.50 บาท และทดสอบเป้าหมายสำคัญที่ 164.50 บาท ตามลำดับ (แนวต้าน: 155.50, 157.00, 159.00; แนวรับ: 153.50, 152.00, 150.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สมคิดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังนั่งตำแหน่งรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์กล่าวว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายนอกเช่นเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำและราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำซึ่งกระทบรายได้ของเกษตรกรและความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในประเทศไทย ดังนั้นแผนเร่งด่วนของเขาคือการกระตุ้นรายได้ของเกษตรกรผ่านมาตรการกระตุ้นที่จะเสนอแก่ ครม.เร็วๆนี้ (The Nation)

• SCB วิ่งเสนอให้กู้ทวายธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เตรียมให้กู้ บมจ.อิตาเลียนไทย (ITD) ในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในพม่าและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ธนาคารวางแผนที่จะกลับมาเข้าร่วมและเป็นผู้ให้กู้หลักหลังโครงการเริ่มมีความคืบหน้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารได้คาดว่า ITD จะเริ่มประมูลและใช้เงินกู้ในราว 3-6 เดือน และเพื่อใช้เงินทุนสำหรับการลงทุนที่นำโดย ITD ITD จะกู้เงินเป็นสัดส่วนราว 70% ของเงินทุนที่ต้องใช้ ส่วนที่เหลือจะมาจากบริษัทเองและบริษัทในกลุ่ม (Bangkok Post)

• ความกังวลต่อนักท่องเที่ยวจีน โฆษกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวไทยจีนกล่าวว่าทัวร์บางรายได้ถูกยกเลิก ขณะที่ผู้ขายโปรแกรมทัวร์ในจีนเรียกร้องการตรวจสอบความปลอดภัย บริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนรายงานว่าจำนวนกลุ่มทัวร์ 20 กลุ่มจาก 40 กลุ่มถูกยกเลิกแล้วตั้งแต่วันจันทร์ (Bangkok Post)

• ภาษีที่ดินถูกพิจารณาอีกครั้ง ร่างกฎหมายภาษีที่ดินและอาคารในช่วงอดีต รมว.กระทรวงการคลัง นายสมหมาย ภาษี ซึ่ง นายสมหมายได้ลงนามร่วมกับ มรว.ปรีดียาธร และกำลังรอ ครม. พิจารณาอนุมัติ ได้ถูกดึงกลับมาเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมโดย รมว. กระทรวงการคลัง คนใหม่ (The Nation)

• CENTEL (32.00 บ.,2558 TP 42.00 บ.) ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ทั้งรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอาหารที่ไม่ต่ำกว่า 19 ลบ. จากเหตุการณ์ระเบิดส่งผลให้จำนวนห้องพักจองล่วงหน้าถูกยกเลิก โดยเฉพาะที่โรงแรมเซ็นทราแกรนด์ที่เซ็นทรัลเวิร์ด, เซ็นทาราแกรนด์ลาดพร้าว และเซ็นทรัลพัทยา รวมถึงการลดลงของการบริโภคอาหารในห้าง (The Nation) ความเห็น: นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงต้องการความมั่นใจในการมาประเทศไทยในระหว่างกำลังพิจารณาจองโปรแกรมท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นที่จะเริ่มในเดือน ต.ค.

• PTTGC(49.25 บ, ราคาเป้าหมายปี 58 71.60 บ.) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทฯ เพื่อการบริหารทางการเงิน โดยจะเป็นการเข้าซื้อในตลาดฯ ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 4.50 พันลบ. และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 90,000,000 ล้านหุ้น (2% ของทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2558 ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2559 ขณะเดียวกัน PTTGC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 1H58 ในอัตรา 1.50 บาท/หุ้น เทียบเท่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อปีที่ 6.2% โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 ก.ย. และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 ก.ย. (SET)

ต่างประเทศ:

• การเทขายหุ้นทั่วโลกแสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้น รวมทั้งอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทต่างๆ ที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงอีกทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (Reuters)

• เกาหลีเหนือและใต้บรรลุการเจรจาตกลงได้ในช่วงเช้าวันอังคารเพื่อยุติการเผชิญหน้า อันเกี่ยวเนื่องกับเหตุยิงปืนใหญ่เข้าใส่กัน ซึ่งผลักให้คาบสมุทรเข้าสู่ภาวะความตึงเครียดทางทหารขั้นสูงสุด ภายใต้ข้อตกลง เกาหลีเหนือแสดงความเสียใจต่อต่อเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ที่มีทหารเกาหลีใต้ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ส่วนเกาหลีใต้ก็ยินยอมระงับแพร่กระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ (Reuters)

• เงินเยนและยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเทียบกับเงินดอลลาร์ในเช้าวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนพากันหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงอย่างหนักตามค่าเงินดอลลาร์ เงินดอลลาร์ปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 118.475 เยน แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 116.15 เยนต่อดอลลาร์เมื่อคืน เงินยูโรปิดแข็งค่าขึ้น 0.2% อยู่ที่ 1.1529 ดอลลาร์ต่อยูโรหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 1.1715 ดอลลาร์ต่อยูโร (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเกือบ 4% เมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนซึ่งกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้เทขายหุ้นอย่างหนักซึ่งทำให้ดัชนี S&P500 ลดลงต่ำสุดนับแต่ปี 2554 ตามมาด้วยตลาดหุ้นจีนร่วงลง 8.5% ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกพร้อมกับน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ หุ้นบริษัทแอ๊ปเปิ้ลร่วงลงอย่างหนักถึง 13% และกลับมาปิดลดลง 2.5% หลังจากที่ซีอีโอ นายทิม คุกได้ออกมาให้ความมั่นใจกับผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับธุรกิจของแอ๊ปเปิ้ลในจีนว่ายังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ (Reuters)

ยุโรป:

• มาร์เก็ตแคปในตลาดหุ้นยุโรปหายไปกว่า 5 แสนล้านยูโรจากความตื่นตระหนกเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนได้ร่วงลงอย่างหนัก หุ้นในตลาดยุโรปร่วงลงและดัชนี FTSE Eurofirst 300 ลดลง 6.4% ทำให้มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 5 แสนล้านยูโรจากมาร์เก็ตแคปรวมของดัชนี (Reuters)

เอเชีย:

• ผลตอบแทนตลาดหุ้นจีนจากต้นปีถึงปัจจุบันพลิกเป็นติดลบ หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงกว่า 9% และทำได้เพียงฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาด ซึ่งนับเป็นการหดตัวลงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และเป็นการลดลงต่อเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ตลาดปรับตัวลดลง 11% โดยรวมแล้วส่งผลให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นจีนนับจากต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบปี ทั้งนี้ดัชนี CSI300 ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุด 300 บริษัทในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นได้ปรับตัวลดลง 8.8% เมื่อวันจันทร์และหดตัวลง 7% จากระดับดัชนีเมื่อต้นปี (Reuters)

• กลุ่มลงทุนแห่งชาติของจีนยังเฝ้ารอดูสถานการณ์ นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มแห่งชาติของจีนซึ่งประกอบไปด้วยโบรเกอร์ กองทุนรวม และนักลงทุนสถาบันของรัฐทั้งหลายเฝ้ารอดูสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่ กลต. ของจีนกล่าวเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วว่าต้องการให้กลไกตลาดมีบทบาทกับตลาดหุ้นเป็นหลัก (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ทองถูกเศรษฐกิจและดอลลาร์กดดัน ทองคำตลาดจรร่วงลง 6 ดอลลาร์เหลือ 1,154.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากดอลลาร์ที่ฟื้นตัวจากการเป็นลบก่อนหน้าและตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวบ้าง รวมถึงนักลงทุนยังกังวลการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (Reuters)

• ราคาน้ำมันดิบร่วงจากความกังวลอุปสงค์จีนหายไป คาดการณ์เศรษฐกิจจีนลงต่อจะกดดันราคาน้ำมันต่อไป ทำให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลง 2.21 ดอลลาร์หรือ 5.5% สู่ระดับ 38.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 2.77 ดอลลาร์หรือ 6.1% มาอยู่ที่ 42.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)