เผยทรัพย์คดี'พงศ์พัฒน์'เครือข่ายค้ามนุษย์กว่า300ล้าน

เผยทรัพย์คดี'พงศ์พัฒน์'เครือข่ายค้ามนุษย์กว่า300ล้าน

คกก.ธุรกรรมปปง.เผยทรัพย์ในคดี"พงศ์พัฒน์"กับเครือข่ายค้ามนุษย์ในจ.ระนอง มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมปปง. ว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ในคดีสำคัญ 2 คดี รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยคดีแรกเป็นคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กับพวก ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย (ค้าน้ำมันเถื่อน) เปิดบ่อนการพนันที่ผิดกฎหมาย และฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.119/2558 ลงวันที่ 19 มิ.ย. 58 (เพิ่มเติม) จำนวน 13 รายการ

โดยทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบริษัท สกลรุ่งโรจน์ จำกัด ของพล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รองผบช.ก. ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2558 จึงมีมติเห็นควรส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ (เพิ่มเติม) ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมจำนวน 13 รายการ มูลค่ากว่า. 243 ล้านบาท 

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ปปง. ยังตรวจพบทรัพย์สินซึ่งจัดเก็บอยู่ในบ้านเลขที่ 28/311 หมู่บ้านสวัสดิการทหารบก ซอย 5/1 หมู่ที่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 1,025 รายการ จากการตรวจสอบปรากฏว่า มีนายชอบ ชินนะประภา ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาฟอกเงินและเป็นน้องเขยของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็นเจ้าบ้าน

แต่บ้านหลังดังกล่าวพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ใช้เป็นที่พักอาศัย และยังใช้เป็นที่เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้เป็นจำนวนมาก คณะกรรมการธุรกรรมจึง มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ กับพวก (เพิ่มเติม) ไว้ชั่วคราว อีกจำนวน 1,025 รายการ ประกอบด้วย ภาพวาด พระเครื่อง เครื่องใช้ลายคราม อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ไม้ และวัตถุโบราณ รวมมูลค่าทรัพย์กว่า 18 ล้านบาท 

เลขาธิการ ปปง. กล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่ 2 เป็น การดำเนินการกับเครือข่ายค้ามนุษย์ ซึ่ง ปปง.ตรวจสอบรายงานธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของกลุ่มบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐาน โดยมีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 57 รายการ ประกอบด้วย สลากออมสิน จำนวน 2 รายการ ที่ดินตามโฉนดที่ดิน ในต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล จำนวน 29 รายการ เงินในบัญชีเงินฝาก จำนวน 26 รายการ คณะกรรมการธุรกรรม

จึงมีมติเห็นควรส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์(เพิ่มเติม) ให้ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 57 รายการ รวมราคาประเมินกว่า. 16 ล้าน บาทและยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีก 10 รายการ มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินสด จำนวน 10,000,000 บาท ที่ดินตามโฉนดที่ดินในจังหวัดระนอง จำนวน 5 รายการ และที่ดินตามโฉนดที่ดินในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 รายการ