พลิกตำนาน'ประยุทธ์'ฟัน'นักการเมืองท้องถิ่น-ขรก.'เอี่ยวโกง

พลิกตำนาน'ประยุทธ์'ฟัน'นักการเมืองท้องถิ่น-ขรก.'เอี่ยวโกง

พลิกตำนาน"ประยุทธ์" ควงดาบอาญาสิทธิ์ม.44 ฟัน 115 "นักการเมืองท้องถิ่น-ข้าราชการ" เอี่ยวโกง

ย้อนดูเส้นทาง11แนวทางการปฏิรูปของของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ“คสช.”ทุกอย่างได้ก้าวไปตามแบบฉบับ หนึ่งในแนวทางการปฏิรูปเป็นการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือ “การปฏิรูปล้างโกง” ความชัดเจนได้เกิดขึ้นไปแล้ว2หน ในการใช้ ม.44 ดาบอาญาสิทธิ์ของ“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช.ไม่ใช่แค่การขู่จะฟัน แต่เป็นการเอาจริงจังกับเหล่าข้าราชการหรือบุคคลที่เข้าไปพัวพันกับการทุจริตโดยยึดโยงอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 

ในรอบแรกสะบัดปากกามีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่16/2558ลงดาบเชือดไป45คนส่วนรอบที่ 2 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่19/2558สั่งเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่พัวพันกับการทุจริตหยุดทำงานมี70คนเคาะเลขเบ็ดเสร็จรายมีรายชื่อบุคคคลอยู่ในบัญชีเอียวโกงรวม115คนนั้น ได้ถูกสังคมพิพากษาเป็นกลุ่มที่อยู่ในลักษณะสีเทาค่อนข้างเป็นกลุ่มบุคคลสีดำไปเรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ดีรายชื่อที่ออกมาทั้งหมดไม่ได้บ่งชี้ว่า บุคคลเหล่านี้ “ถูกหรือผิด” แต่ประการใด ต้องนับวันรอกระบวนการบทสรุปขั้นสุดท้ายชี้ชัดออกมาก่อน 

ถ้ากางบัญชี115คน ที่ถูกปลดออกดองเค็มพักงานนับจากหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ อธิบดีเหม่าเข่งในหลายกระทรวงระดับใหญ่ไปเล็กในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นหน่วยงานเกรดเอจำแนกเป็นหมวดหมู่ในสัดส่วนผู้บริหารท้องถิ่นตั้งแต่องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.),องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.),เทศบาล สรุปรวมเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือ อปท.พัวพันเอี่ยวโกงมากสุด 

ผลงานเหล่านี้ต้องยกนิ้วให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)ที่เร่งลุยตรวจเหล่าอดีตผู้บริหารท้องถิ่น ที่ถูกร้องเรียนถูกตรวจสอบจากองค์กรเครือข่าย ศอตช.ที่มีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.),สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)มีผลออกมาเป็นอย่างที่เห็นเข้ารูปแบบ “ตัดไฟแต่ต้นลม“ แบบปัจจุบันทันด่วน 

ต้องยอมรับหลายปีที่ผ่านมา มีปัญหาการทุจริตงบประมาณแผ่นดินของแต่ละท้องถิ่นมีกันมากมายหลายแบบส่งผลให้เกิดกระบวนการหมกเม็ดในการจัดซื้อจัดจ้างหลากหลายโครงการ เปลี่ยนรูปแบบไปหลากหลายวิธีการ 

แม้แผนการปฏิรูปต้านโกงเป็นปัญหาคลาสสิกของสังคมไทย ที่มีอาการมุบมิบฟุตเวิร์คตามน้ำแล้วแอบฟาดหัวคิวแทบทุกโครงการ ในลักษณะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ยึดโยงสร้างทายาทเป็นประเพณีปฏิบัติ ได้ถ่ายทอดหยั่งรากลึก ตั้งแต่ข้าราชการ นักการเมืองระดับท้องถิ่น ลุกล่ามสืบสานจากนักการเมืองระดับชาติ ถือเป็นเนื้อเน่าที่ถูกซุกปัญหาเอาไว้กับบ้านเมืองมาเป็นระยะเวลายาวนานมาถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มจะทะยานสู่อนาคตในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย 

นาทีนี้ปฏิบัติการล้างโกงหนนี้กระบวนการที่เริ่มต้นสางทุจริตในท้องถิ่น ที่เป็นมีต้นตอพันธุกรรมที่สืบสานการทุจริตลอกแบบระดับชาติในอดีต กำลังถูกตัดรากถอนโคน ในลักษณะต้นไม้พิษย่อมก่อเกิดผลผลิตลูกไม้ที่มีพิษตามมา 

แบล็กลิสต์หรือบัญชีดำในรอบ 2ระดับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 7 รายนับไล่เรียงจากอันดับแรก นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ,นายพรชัย โควสุรัตน์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี,นายยุทธนา ศรีตะบุตรนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย,นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต,นายสถิรพร นาคสุขนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร,นายสมชอบ นิติพจน์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมและนางสุนี สมมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง 

ในบัญชีนี้บุคคลที่สังคมส่วนใหญ่รับรู้ ฮือฮาสุดๆ คงไม่พ้นขาใหญ่...เอ๋“ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม”ทายาทคนสุดท้องของ“วัฒนา อัศวเหม”อดีตรมช.มหาดไทย อดีตรมช.อุตสาหกรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่วันนี้ต้องหลบไปอยู่ฟากฝั่งกัมพูชาที่เกิดจากผลพ่วงในอดีตไปพัวพันทุจริตโครงการบ่อบำบัดคลองด่านมีเม็ดเงินหลายพันล้านบาท 

ขณะที่ซีกข้าราชการประจำอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน“ขวัญชัย วงศ์นิติกร”เป็นคนบ้านโป่งราชบุรีที่ถูกสั่งเด้งไปช่วยราชการ สังกัดสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ในรอบเดียวกัน 

เหตุที่โดนคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ได้มีส่วนไปเกี่ยวข้องในโครงการการติดตามและประเมินผลการฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง โดยเป็นโครงการการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นทะเลเซาะฝั่งในช่วงที่นั่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ปี2551นับแล้วเวลาล่วงเลยร่วม 7 ปี อีกไม่กี่เดือนจะเกษียณราชการสิ้นกันยายนปีนี้ แต่ต้องมาพักงานปิดฉากรับราชการ ถ้าโชคลุ้นบุญช่วยรอกระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในโอกาสต่อไป ผลจะเป็นเช่นไรนั้นย่อมเป็นบทพิสูจน์สัจจะธรรมความจริงที่เป็นสิ่งที่ไม่ตาย แม้เงินงบประมาณที่ถูกภาคฑัณครั้งนี้ยอดเงินเพียง 5 ล้านบาทนับว่า ไม่มากนัก แต่มูลฐานผิดเหตุการจัดซื้อเป็นกรณีพิเศษ ถือว่า ข้ามขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทางราชการ 

นั้นเป็นแค่ปฐมบทแห่งการต้านโกงช่วงแรก ผลพ่วงต่างกรรมต่างวาระผลกรรมในอดีต นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการประจำ จะหลุดพ้นบ่วงกรรมต้องให้กระบวนการตรวจสอบที่มีอยู่ แต่ยุคนี้เข้าโหมดการปฏิรูป ดาบอาญาสิทธิ์ มาตรา44จึงถูกหยิบยกมาใช้ล้างบาง 2 รอบ ที่เห็นยังคงไม่ใช่บทสุดท้ายจบเพียงเท่านี้ แต่ยังต้องรอลุ้นครั้งต่อไปรอบใหม่จะผุดตามมาในเร็วๆวันนี้