Corporate News

Corporate News

DTAC ถือ, SENA ซื้อ, RS ซื้อ,TPCH ซื้อ

DTAC    ถือ   ราคาพื้นฐาน 85.00 บาท

DTAC : เราคาดว่าบริษัทจะรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังอีกในไตรมาสที่ 2/58 โดยกำไรสุทธิคาดว่าจะลดลง 21.5%qoq และ 39%yoy โดยผลประกอบการที่อ่อนแอเป็นผลจากรายได้ค่าบริการที่ต่ำลง (จากปัจจัยด้านฤดูกาล และการปรับเกณฑ์ของทางการ) รวมทั้งค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2558 และ 2559 ลง 25.4% และ 8.6% ตามลำดับ คงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 85.00 บาท ราคาเหมาะสมที่ควรเข้าซื้อคือ 70.00 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)

SENA   ซื้อ   Consensus 4.48 บาท

SENA : ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการลงนามความร่วมมือกับบริษัท Confidente Capital จำกัด ที่ปรึกษาการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และบริษัท First Solar จำกัด ผู้นำด้านการผลิตโซลาร์เซลล์ยักษ์ใหญ่ของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้ารุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตั้งเป้ากำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ภายใน 1 ปี (เดือน มิ.ย. 58- มิ.ย. 59) ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งแผงโซลาร์ได้ประมาณ 1,000 ยูนิต เฉลี่ยยูนิตและ 5 กิโลวัตต์ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายแผงดังกล่าวได้ประมาณ 30-50 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

RS    ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท

RS : นายองอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับในปี 2558 ทางช่อง 8 ตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของเป้ารายได้รวมทั้งหมดของ RS ที่ตั้งไว้ 4,600 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากการปรับผังรายการในช่วงครึ่งหลังของปีเพื่อเพิ่มเรตติ้ง อีกทั้งยังมีรายได้เพิ่มจากการขายลิขสิทธิ์รายการคอนเทนต์ต่างๆให้กับประเทศเพื่อนบ้าน (ข่าวหุ้น)

TPCH    ซื้อ    Consensus 28.75 บาท

TPCH : นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) จะเติบโตได้มากกว่าปีก่อน 2 เท่า และจะมีรายได้เติบโตประมาณ 30-40% จากปีก่อน เพราะบริษัทได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงการซื้อไฟฟ้าจากระบบ Adder มาเป็น Feed in Tariff ทำให้อัตรากำไรสุทธิในโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 45-50% จากเดิมที่ 31% และดอกเบี้ย MLR ของบริษัทในโครงการก็อยู่ในอัตราที่ดี ประกอบกับบริษัทได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบเชื้อเพลิง (ไม้ยาง) ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 600 บาท ต่อตัน จากช่วงสูงสุดอยู่ที่ 1,000 บาทต่อตัน (ข่าวหุ้น)