น้ำตาลครบุรีรุกพลังงาน

น้ำตาลครบุรีรุกพลังงาน

ผู้ถือหุ้น "น้ำตาลครบุรี" อนุมัติเงินปันผล 0.30 บาท เตรียมจ่าย 16 พ.ค.นี้ "ทัศน์ วนากรกุล" ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท

นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2556 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.50 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว เมื่อเดือนก.ย.2556 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คงเหลือเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 16 พ.ค.ที่จะถึงนี้

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เดิม (Product Line) ที่มีอยู่ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนจากการทำนาและปลูกมันมาเป็นการปลูกอ้อย เนื่องจากได้ราคาดีกว่า โดยจะเริ่มจากบริเวณโดยรอบโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานบริษัท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน โดยระยะสั้นจะเน้นการปรับปรุงคุณภาพของไร่อ้อย เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร รวมทั้งขยายวงเงินสินเชื่อให้เกษตรกร โดยมีเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ปลูกอ้อยไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ฝ่ายผลิตจะเน้นเรื่องประสิทธิภาพการผลิตเป็นสำคัญ ลดอัตราการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต และลดต้นทุนต่อหน่วยผลิต

ทั้งนี้เขาเชื่อว่า การเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง จะเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของโรงงานน้ำตาล ส่วนฝ่ายตลาดจะต้องคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบสนองผู้บริโภคให้ดีขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพ บริการ และความคุ้มค่า รวมถึงต้องเปิดตลาดใหม่ๆ ระยะกลางจะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่มีอยู่ เช่น ไฟฟ้า และกากน้ำตาล มาผลิตเป็นเอทานอล

สำหรับน้ำตาลครบุรี มีความได้เปรียบที่มีกลุ่มมิตซุยจากญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กลุ่มมิตซุยให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแนะนำเทคนิคการผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยหาลูกค้าในระดับนานาชาติมาให้น้ำตาลครบุรี นอกจากนั้น น้ำตาลครบุรี ยังวางแผนต่อยอดโดยการลงทุนในโรงงานผลิตเอทานอล และมีเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิต และขยายโรงงานเมื่อเวลาเหมาะสม

"การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และเอทานอล มีความสำคัญ เพราะรายได้จากธุรกิจชีวพลังงานมีความมั่นคงมากกว่า เมื่อเทียบกับกำไรจากธุรกิจน้ำตาลซึ่งมีความผันผวนตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก บริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานเป็นร้อยละ 20 ขณะที่เป้าหมายสัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานอยู่ที่ร้อยละ 30 - 35 และเรามีเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง เพราะโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศไทยน่าจะเป็นตัวเลขสองหลักต่อปีไปอีกอย่างน้อย 5-7 ปี"

ปัจจุบันน้ำตาลครบุรี มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 2.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยตั้งเป้าติดอันดับ 1 ใน 5 ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะมุ่งเน้นเรื่องของคุณภาพ ประสิทธิภาพ การพัฒนาบุคลากร ผสานด้วยเทคโนโลยี เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำด้านธุรกิจอ้อย น้ำตาล และพลังงาน โดยบูรณาการ (Integrate) ทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ในการทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยวางเป้ารายได้ปีนี้ประมาณ 6 พันล้านบาท