หุ้นทุบรีเทิร์นเฮดจ์ฟันด์

หุ้นทุบรีเทิร์นเฮดจ์ฟันด์

"พรีคิน"บริษัทที่ปรึกษาทำวิจัยข้อมูลกองทุน เผยผลประกอบการเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกช่วง 2 เดือนแรกแย่สุด เฉลี่ยโตแค่ 1% คาดฉุดความสามารถทำกำไรลดลง

พรีคิน บริษัทวิจัยชั้นนำด้านจัดหาข้อมูลให้กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสาธารณูปโภคกับอสังหาริมทรัพย์ กองทุนทางเลือกและกองทุนบริหารความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) ได้เผยแพร่ข้อมูลการสำรวจผลประกอบการของเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ผ่านเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี พบว่าเฮดจ์ฟันด์หลายแห่งได้รับผลกระทบรุนแรงและเลวร้ายที่สุดในต้นปีนี้ และนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินครั้งหลังสุด เนื่องจากผลตอบแทนที่ทำได้ช่วงเดือน 2 เดือนแรกกลายเป็นตัวเลขขาดทุนหรือติดลบ ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก

สะท้อนว่าความสามารถทำกำไรของผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกดูยากลำบากมากขึ้น ในภาวะตลาดมีทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งความขัดแย้งทางการเมืองในยูเครน ที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับกลุ่มประเทศซีกโลกตะวันตก ยังส่งผลต่อเนื่องถึงตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่งอีกด้วย

รายงานของพรีคินระบุว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกสามารถกำไรได้เฉลี่ย 1.23% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่ทำได้ 6% และ 3.7%ในปี 2556 ทำให้คาดว่ากำไรโดยเฉลี่ยในไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะทรุดลงอีกกว่า 2.5% โดยคาดว่าจะได้แรงขับเคลื่อนจากผลประกอบการในเดือนก.พ. ซึ่งปรากฏตัวเลขผลตอบแทนเฉลี่ยของเฮดจ์ฟันด์ทำได้ 1.75% ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยชดเชยผลประกอบการที่ออกมาน่าผิดหวังในเดือนม.ค.และมี.ค.

ทั้งนี้เฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่หลายแห่ง อย่างเช่น บลู ริดจ์ แคปิตอล (Blue Ridge Capital), ไวกิ้ง โกลบอล อินเวสเตอร์ส (Viking Global Investors) และโลน ไพน์ แคปิตอล (Lone Pine Capital) ล้วนประสบภาวะขาดทุนในเดือนมี.ค. เมื่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในหลายตลาดสำคัญปรับตัวลงอย่างหนัก

นางสาวเอมี เบนสเตด หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์กองทุนบริหารความเสี่ยงของพรีคิน กล่าวว่าทั้งๆที่ความผันผวนเริ่มปรากฎให้เห็นมาตั้งแต้นปีนี้ แต่นักลงทุนยังมองหาหนทาง ที่จะลงทุนกับเฮดจ์ฟันด์ต่อไปในระยะสั้น เพราะเฮดจ์ฟันด์หลายแห่งยังสามารถบริหารให้เกิดผลตอบแทนอยู่บ้าง ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งตึงเครียดทางการเมืองในหลายส่วนของโลก และเหตุการทางเศรษฐกิจสำคัญยังเป็นความท้าทายสำหรับเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกในตอนนี้

"ในอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์ระดับโลกขณะนี้ กำลังรอดูว่าสถานการณ์ที่ยังไม่สิ้นสุด ทั้งในแง่ของผลประกอบการ และปฏิกิริยาของนักลงทุนกับผู้จัดการกองทุน ที่มีต่อภาวะแวดล้อมตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องของการไหลเวียนของเงินทุนเข้าไปหาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ นั้น จะเป็นอย่างไรในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ รวมถึงกองทุนจะเข้าไปดึงดูดเงินทุนเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง"

ก่อนหน้านี้มีเฮดจ์ฟันด์หลายแห่งให้ข้อมูลกับเว็บไซต์กับคิวแซดดอทคอม อ้างอิงรายงานของแอลซีเอช อินเวสต์เมนท์ ว่าในปีที่ผ่านมาสามารถทำผลตอบแทนได้ดีเยี่ยมในรูปเงินดอลลาร์ เช่น โลน ไพน์ แคปิตอลอวดว่าสามารถทำรายได้ 5.2 พันล้านดอลลาร์ สร้างมูลค่าให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่บริหารอยู่เท่ากับ 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นผลตอบแทนที่ 30%

ส่วนควอนตัม เอนโดวเมนท์ของนายจอร์จ โซรอส ของครอบครัวมหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังระดับโลกก็ระบุว่ามีรายได้ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ทำผลตอบแทนได้ประมาณ 24% ซึ่งเป็นสถิติผลตอบแทนมากสุดเป็นอันดับสองของกองทุนในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของเฮดจ์ ฟันด์ รีเสิร์ช รายงานว่าค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนที่เฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกทำได้ มีเพียง 9.3%ในปีที่แล้ว ขณะที่บลูมเบิร์กให้ข้อมูลว่ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์ทำผลตอบแทนได้เพียง 7.4%ในเดือนม.ค.ปีนี้ และมีเพียง 56% ของเฮดจ์ฟันด์ 2,275 กองทุนที่รายงานว่าทำผลตอบแทนเป็นบวก