แม่น้องเกดบุกทบ. จี้ถามจุดยืนกองทัพ

แม่น้องเกดบุกทบ. จี้ถามจุดยืนกองทัพ

"แม่น้องเกด"บุกกองทัพบก จี้ถามจุดยืนกองทัพ ขณะที่“น้องตั๊น”มอบดอกไม้ ให้กำลังใจ ด้านรองโฆษกทบ. โยน ฝ่ายยุทธการปรับบังเกอร์จุดตรวจทหาร

นางพะเยาว์ อัคฮาค แกนนำกลุ่มญาติวีรชน มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาค หรือ น้องเกด อาสาสมัครพยาบาลที่เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เดินทางเข้าพบ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ภายในหอประชุมกองทัพบกเทเวศร์ โดยขอให้กองทัพบกระมัดระวังการทำหน้าที่เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงซ้ำรอยปี2553 และสอบถามการทำหน้าที่ของทหารในสถานการณ์ปัจจุบันทั้งเรื่องการตั้งจุดตรวจความมั่นคง และการดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่ม สปป.ล้านนา โดยได้แสดงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการจุดตะเกียงส่องสว่างเข้ามายังหอประชุมกองทัพบกเทเวศร์ ซึ่งหมายถึงการส่องแสงสว่างให้กับกองทัพ ไม่อยากกองทัพเลือกปฏิบัติและดำเนินการในสิ่งที่เป็นความมืดดำ รวมทั้งได้นำดอกกุหลาบสีแดงและดอกดาวเรือง ซึ่งหมายถึงสีเสื้อของคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ใส่ในกะลามอบให้กับ พ.อ.วินธัย เพื่อแสดงสัญลักษณ์การร้องขอชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งหมายถึงการเรียกร้องให้กองทัพดูแลประชาชนทุกสีทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม และไม่ดำเนินการใดที่จะสุ่มเสี่ยงให้เกิดความสูญเสียต่อประชาชนในภาพรวม

ขณะที่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า นางพะเยาว์ได้สอบถามถึงการปฏิบัติงานของทหารในขณะนี้ และกรณีที่กองทัพภาคที่ 3 แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ประกาศจัดตั้ง สปป.ล้านนา โดยตนได้ชี้แจงไปว่า การปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ดำเนินการภายใต้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) โดยทหารมีการตั้งจุดตรวจร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันมีประมาณ 5,000-6,000 นาย ไม่มีการเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่กองทัพภาคที่ 3 ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51ที่ประกาศจัดตั้ง สปป.ล้านนา นั้น ทหารที่ไปแจ้งความไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ได้ระบุถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายจะกระทำผิดเท่านั้น เพราะทหารมีหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ และการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฎิบัติ เพราะในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ใน กทม. นั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีไปกว่า 100 คดีเช่นกัน

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับความสูญเสียในเหตุการณ์ปี 25 นั้น มีทั้งในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่สร้างความสะเทือนใจต่อประชาชนทั้งประเทศ กองทัพไม่อยากให้มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง หลังจากนั้น นางพะเยาว์ ได้มอบดอกไม้ และฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ว่า อยากให้กองทัพเป็นของประชาชนทุกพวกทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงที่ให้ปรับบังเกอร์เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศนั้น ทางฝ่ายยุทธการคงต้องไปหาวิธีดำเนินการ ทั้งนี้กองทัพมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังคงใช้ความรุนแรง และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่แน่นอนโดยก่อนหน้านี้จะเน้นกระทำต่อผู้ที่มาร่วมชุมนุม ต่อมาก็กระทำต่อสถานที่ราชการ ศาล องค์กรอิสระ และล่าสุด ก็ขยับมาหน่วยที่ตั้งของทหาร โดยสังเกตจากกรณีที่มีการยิงเอ็ม 79 ที่ศาลอาญารัชดา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยระเบิดได้ตกบริเวณห่าสงจากจุดตรวจทหารไม่ถึง 100 เมตร ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ทหารกำลังตกเป็นเป้าการโจมตีนั้น คงต้องให้ทาง ศรส.และกองทัพ ประเมินสถานการณ์ร่วมกันอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ที่บริเวณประตูด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก ได้มีกลุ่ม กปปส. จำนวหนึ่ง นำโดย น.ส. จิตต์ภัสร์ กฤดากร หนึ่งในแกนนำ กปปส. เดินทางมาให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และเจ้าหน้าที่ทหารทีป่ฏิบัติภารกิจในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มชุมนุม กปปส.ในช่วงที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นตัวแทนรับมอบช่อดอกไม้ และดอกกุหลาบสีแดงให้กับเจ้าหน้าที่ทหารด้วย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาปราศรัยกว่า 30 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ