บล.เอเชียเวลท์รุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง

บล.เอเชียเวลท์รุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง

บล.เอเชียเวลท์ เปิดตัวธุรกิจหลักทรัพย์และบริหารความมั่งคั่ง ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์แตะ 4.25% ภายใน 3 ปี

นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มดำเนินธุรกิจค้าหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้ซื้อใบอนุญาตดำเนินธุรกิจดังกล่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบีไทย สำหรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทจะแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจค้าหลักทรัพย์ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง(Wealth Management) และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าในปี 2557 จะมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 2.5% และภายใน 3 ปีมาร์เก็ตแชร์จะเพิ่มเป็น 4.25% โดยบริษัทจะเน้นขยายฐานลูกค้าบุคคลกลุ่ม High Network และลูกค้าสถาบันทั้งในและนอกประเทศเป็นหลัก

"เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อใบอนุญาตดำเนินธุรกิจค้าหลักทรัพย์ เพราะเชื่อว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่าในอดีตมาก เฉพาะครึ่งแรกของปี 2556 มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเกือบ 90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการที่ไทยเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุน่าจะกระตุ้นให้เกิดการออมมากขึ้น ขณะที่ไลฟ์สไตล์ของคนไทยก็เปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีการสนใจวางแผนการเงินการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันก็เอื้อต่อการลงทุน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินก็มีหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง ขณะเดียวกันบริษัทก็เห็นโอกาสของการขยายฐานลูกค้ากลุ่ม High Network ซึ่งเริ่มมีมากขึ้นในสังคมไทย และลูกค้ากลุ่มนี้ก็เติบโตขึ้นทุกวัน"

นายพิชิต กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์และบริหารความมั่งคั่งในปี 2557 น่าจะดีกว่าปี 2556 เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ เพราะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศหลัก ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ แต่อย่างไรก็ดี การเมืองยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกระทบภาวะการลงทุน

อนึ่ง ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท เอเชีย เวท์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่มผู้บริหารบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(WHA) กลุ่มผู้บริหารบริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) (TRU) ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายสาขา โดยการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มผู้บริหารดังกล่าวเป็นการลงทุนส่วนตัว เนื่องจากเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจหลักทรัพย์อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ นอกจากนี้ยังน่าจะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจและมีความร่วมมือในการทำธุรกิจระหว่างกันด้วย เช่น การบริหารกองทุนส่วนบุคคล ที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นต้น

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากการเป็นตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว เรายังเน้นการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าโดยเราเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนของ บลจ. เราคัดสรรกองทุนรวมที่ดีที่สุดในแต่ละประเภทให้กับลูกค้า โดยเลือกจากผลประกอบการที่ดีอย่างสม่ำเสมอและองค์ประกอบอื่นที่สำคัญ เช่นนโยบายการลงทุน แล้วจัดให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย เราเชื่อว่า ภายใต้คำแนะนำของเรา สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการออกแบบความมั่งคั่งให้ลูกค้าตาม Life Style และเป้าหมายการลงทุน เช่น โครงการมี 50 ล้านก่อน 50 และโครงการเกษียณจัดได้ เป็นต้น เราเน้นการตอบสนองความต้องการและเป้าหมายของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ด้วยการให้คำแนะนำการลงทุนอย่างใกล้ชิด

ด้านแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2557 น่าจะดีกว่าปีนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,550 – 1,650 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตดีขึ้นจากปีนี้ โดยภาคการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และหากสถานการณ์การเมืองไทยเริ่มคลี่คลายจะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนสำหรับปีหน้า คือ ตลาดพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาหลี และไต้หวัน เพราะการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ส่วนตลาดหุ้นไทยก็เริ่มน่าสนใจ เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมามากแล้ว กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมามาก ซึ่งควรเลือกลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 7%

นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด ให้ความเชื่อมั่นทิ้งท้ายว่า เราทำบริษัทนี้กันด้วยความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าและสังคมโดยส่วนรวมด้วย เราอยากให้บริษัทเป็นกลไกเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเศรษฐกิจประเทศเจริญเติบโต เงินลงทุนของลูกค้าก็จะเจริญเติบโตด้วย เราก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จของเรา