กำลังซื้อหดฉุดสินเชื่อเอสเอ็มอีซบ

กำลังซื้อหดฉุดสินเชื่อเอสเอ็มอีซบ

2 แบงก์ยักษ์"กรุงเทพ-กรุงไทย"รับสินเชื่อเอสเอ็มอีโตต่ำเป้า หลังกำลังซื้อชะลอ ขณะที่การแข่งขันสูงขึ้น"แบงก์กรุงเทพ"เผย 9 เดือนโตแค่ 10%

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศทำให้กำลังซื้อปรับลดลง เห็นได้จากยอดขายของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับลดลง รวมถึงรถยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัว ในส่วนสินเชื่อก็คงมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อเอสเอ็มอีรายปลีกของธนาคารขยายตัวได้เพียง 10% จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 15%

อย่างไรก็ตามแม้ว่าสินเชื่อยังต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ในช่วงที่เหลือของปี ธนาคารคงไม่เร่งขยายสินเชื่อแล้ว เนื่องต้องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อตามกลยุทธ์หลักของธนาคาร โดยจะหลีกเลี่ยงสินเชื่อในกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ธนาคารต้องเลือกโครงการอย่างระมัดระวังมากขึ้นโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่กำลังซื้อเริ่มชะลอ และธนาคารพาณิชย์มีการเข้มงวดกับสินเชื่อบ้านมากขึ้น หลังจากที่ภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นทำให้รายย่อยมีหนี้เพิ่มขึ้น และสภาพคล่องลดลง

ในส่วนของปี 2557 นั้นธนาคารอยู่ระหว่างทำแผนการขยายสินเชื่อ แต่ยอมรับว่าความผันผวนในตลาดโลก และความไม่แน่นอนโครงการภาครัฐหลายโครงการที่เคยคาดว่าจะมากระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ก็ต้องชะลอไป โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ ทำให้การคาดการณ์และการวางแผนภาพรวมปี 2557 เป็นไปได้อย่างยากลำบากมากขึ้น

"ปีหน้าคงต้องดูหลายอย่าง ภาคต่างประเทศยังผันผวนมาก สหรัฐไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง เป็นปีที่ธุรกิจทั้งหลายต้องติดตามและปรับตัว ดูจังหวะทางธุรกิจให้ดี โครงการลงทุนภาครัฐอย่างโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทที่เคยมีความหวังว่าจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยก็ทำไม่ได้ ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจติดขัดพอควร ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนก็ทำให้กำลังซื้อลดลงไปด้วย"นายศิริเดชกล่าว

อย่างไรก็ตามยังมีภาคธุรกิจที่ยังเป็นความแข็งแกร่งของประเทศไทยและเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจได้อยู่ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง หรืออุตสาหกรรมอาหารที่ยังไปได้ รวมถึงการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้างตามแนวชายแดนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านนายประสิทธิ์ วสุภัทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ภาพรวมการขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารในขณะนี้ยังทรงตัวมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยาง น้ำตาล มีแนวโน้มปรับลดลงกว่าที่ประมาณการค่อนข้างมากทั้งในแง่ของราคาและปริมาณ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนกดดันกำลังซื้อให้ปรับลดลงกระทบภาระการค้า ขณะที่การแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางทำให้เกิดการแย่งชิงลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารขยายตัวแล้ว 20,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาท

ส่วนแผนการขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 2557 นั้นอยู่ระหว่างการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกในปีหน้าเป็นหลัก โดยภาครัฐจะต้องกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้กำลังซื้อและภาคผลิตปรับตัวดีขึ้นหนุนให้เอสเอ็มอีอยู่ได้ โดยเชื่อว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีหน้าจะขยายตัวได้มากกว่าปีนี้แต่จะมุ่งเน้นเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็กมากขึ้น

ทั้งนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการปรับกระบวนการทำงานในสายงานสินเชื่อเอสเอ็มอีให้มีความทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น เนื่องจากในปี 2557 ธนาคารต้องการรุกตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีมากขึ้นเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด โดยเฉพาะตลาดเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 100 ล้านบาท จะมีกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงมีการปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์และแพ็คเกจสินเชื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยในปัจจุบันธนาคารกรุงไทยมีพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอี 3.4-3.5 แสนล้านบาท คิดเป็นอันดับ 3 ของระบบ

"หลังจากนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธนาคารกรุงไทยค่อนข้างมาก เราจะเริ่มบุกมากขึ้นจะมีแคมเปญการตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมามากขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ แต่ยังไม่ 100% จะเห็นผลในกลางปีหน้า"นายประสิทธิ์กล่าว