แม็คกรุ๊ปไม่หวั่นหุ้นผันผวน ชูส่วนลด50%

แม็คกรุ๊ปไม่หวั่นหุ้นผันผวน ชูส่วนลด50%

"แม็คกรุ๊ป"เคาะขายไอพีโอ 15 บาท ชูส่วนลด 50% ล่อใจนักลงทุน นำเงินระดมทุน 3 พันล้านบาท ขยายสาขาและลงทุนระบบ-ใช้หนี้แบงก์

นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป หรือ MC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า บริษัทสรุปราคาขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ระดับราคา 15 บาท เปิดขายตั้งแต่วันนี้ (26 มิ.ย.) ถึง 28 มิ.ย. นี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 4 ก.ค. นี้ ในกลุ่มพาณิชย์

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น และหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้ว 400 ล้านบาท หรือ 800 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาทต่อหุ้น และบริษัทมีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้ว แบ่งเป็นการจัดสรรให้กับนักลงทุนทั่วไป 45% และนักลงทุนสถาบัน 55%

นางสาวสุณี กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน 3,000 ล้านบาท บริษัทจัดสรรไว้ขยายสาขา 500 ล้านบาทภายในระยะ 3 ปี อีก 385 ล้านบาท จัดสรรสำหรับลงทุนด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ 200 ล้านบาท สำหรับการวิจัยและพัฒนาและอีก 100 ล้านบาทสำหรับขยายศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งคืนหนี้อีก 750 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนจองบริษัทปรับลดลงเหลือ 0 เท่า จากเดิม 17 เท่า ส่วนที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาท จัดสรรไว้รองรับการลงทุนในอนาคต และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทมีจุดจำหน่าย 540 จุด เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วที่มีจุดจำหน่าย 511 จุด และวางแผนจะเปิดเพิ่มอีก 260 จุด ภายใน 3 ปี และบริษัทมีแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศ เริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นการจำหน่ายผ่านตัวแทน ไม่ได้เข้าไปเปิดสาขาเอง ปัจจุบันมีตัวแทนขายที่พม่า และลาวแล้ว ส่วนมาเลเซียและอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการเจรจา คาดได้ข้อสรุปปีนี้

ปีนี้บริษัทวางเป้ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ระดับ 25% โดยไตรมาสแรกปีนี้ รายได้รวมเติบโตราว 24% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับเป้าหมาย

ขณะที่ นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น MC กล่าวว่า เดิมกำหนดช่วงราคาขายหุ้นไอพีโอไว้ที่ 15-18 บาท ซึ่งเป็นช่วงที่ได้จากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน บริษัทตัดสินใจกำหนดราคาบุ๊คบิวจากนักลงทุนสถาบันที่ราคาเดียว 15 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม คิดเป็น P/E ที่ค่อนข้างต่ำ มีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นเฉลี่ยสุทธิของบริษัท (P/E เฉลี่ย) ที่ 13 เท่า หรือคิดเป็นส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นปรับลดสุทธิของบริษัท (P/E Fully Diluted) ที่ 15 เท่า ขณะที่ P/E กลุ่มอยู่ที่ 30-33 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลด 50%

"บริษัทได้รับผลตอบรับที่ดีจากการบุ๊คบิว โดยมียอดจองจากสถาบันมากกว่า 2.5 เท่า ถือว่ายอดจองนี้อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ และมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินดี อีกทั้งแนวโน้มในการเติบโตต่อไปในอนาคตหลังจากการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้าน"

ในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทจะไม่ขายหุ้นทั้ง 100% โดยติดล็อกอัพ (Lock Up) 6 เดือนหลังจากวันที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้