'นิพิฎฐ์'ชี้สหรัฐให้เลิก'อัยการศึก'แทรกแซงไทย

'นิพิฎฐ์'ชี้สหรัฐให้เลิก'อัยการศึก'แทรกแซงไทย

"นิพิฏฐ์"อัดสหรัฐฯอย่าแทรกแซงประเทศไทย ชี้ขอให้เลิกใช้"กฎอัยการศึก"เท่ากับแทรกแซงชัดเจน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีการแทรกแซงทางการเมืองและมีผลกระทบต่อการปรองดอง ว่า การแสดงออกของสหรัฐฯมาจากพื้นฐานที่คิดว่า เป็นตำรวจโลกที่ต้องจัดระเบียบ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีการบริหารขัดกับระบอบประชาธิปไตย เพราะมุมมองของสหรัฐฯเข้าใจว่า ผู้นำในชาติประชาธิปไตยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต และรับผิดชอบตามแบบของประเทศเขา

"เขาก็พูดตามพื้นฐานความคิดของเขา แต่ใช้ไม่ได้กับชาติในเอเชียหรือบ้านเรา ซึ่งบางคำพูดก็ส่อถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ที่อาจไม่เข้าใจรายละเอียดหรือความผิดพลาด ของนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำไว้ ทั้งต่องบประมาณแผ่นดินที่ยังติดหนี้สินหลายแสนล้าน และระบบการค้าข้าวของไทย นักการเมืองที่กำกับนโยบายจึงต้องรับผิดชอบ หากปล่อยให้ทำต่อไปอีก 1-2 ปี อาจก่อให้เกิดของชาติมากกว่านี้"รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ระบุว่าไทยควรยกเลิกใช้กฎอัยการศึกนั้น ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยชัดเจน เพราะการที่ไทยจะใช้กฎอัยการศึกหรือไม่ ก็ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของไทยและสหรัฐฯ เรื่องนี้เป็นหน้าที่รัฐบาลไทย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องของคนในประเทศไทย เพราะมีบริบทและสถานการณ์ในแต่ละประเทศที่ต่างกัน เช่น กรณีสหรัฐฯออกปฏิบัติการไล่ล่าบุคคลที่เขาถือว่าเป็นภัยกระทบต่อความมั่นคงของเขาในประเทศต่างๆ ไทยเราก็ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆกับเรื่องของเขา เรื่องการใช้กฎอัยการศึกของไทยจึงควรเป็นเรื่องภายในของไทยที่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในประเทศไทยด้วย

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า การที่นายแดเนียลระบุว่ามีผลกระทบต่อความปรองดองด้วยนั้น เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจได้ว่าคงจะได้รับแนวคิดมาจากคนของพรรคเพื่อไทยที่สื่อใช้ภาษาว่าวิ่งโร่ไปฟ้องก็เข้าทางพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมหรือเซ็ทซีโร่ใหม่ทั้งหมด ทั้งที่การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการปรองดอง เป็นคนละส่วนกันอย่าเอามาเหมารวมโยงกัน