นายกฯปัดข่าวยกเลิกพันธบัตรรัฐบาล

นายกฯปัดข่าวยกเลิกพันธบัตรรัฐบาล

"ประยุทธ์"ปัดข่าวยกเลิกพันธบัตรรัฐบาล วอนพิจารณาอย่าเชื่อข่าวลือส่งเดช ลั่นทำและรู้มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการจะยกเลิกพันธบัตรรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครยกเลิก รัฐบาลไหน ผมยืนอยู่นี่ ไหนใครสั่ง มันง่ายนักหรือไงการยกเลิกพันธบัตร ยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้เลย ทำนะทำได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำ ใครอยากทำก็ทำเถอะ

เมื่อถามว่าการที่หุ้นร่วงเมื่อวาน(15ธ.ค.)เกิดจากมีคนปั่นหุ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไปตามมามันมีหลายคนพฤติกรรมปี 51 ก็มีปั่นหุ้นแบบนี้ คนที่ลงสนามบินนั่นแหละ การที่หุ้นตกก็เป็นเรื่องธรรมดา จะให้ขึ้นทุกวันได้อย่างไร หุ้นที่ไหนขึ้นทุกวัน

เมื่อถามว่า มีใครเอาข่าวการเมืองไปปล่อยให้หุ้นตกหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า มีแต่สื่อเท่านั้นแหละ คือไม่มีไง ก็มีลือนี้โน้นนั้น ลือส่งเดชมันไม่ได้ เรื่องไม่เกี่ยวกันประเทศชาติต้องเดินอยู่ ซึ่งวันนี้ก็ทำหลายๆอย่าง

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวไอ้โม่งเข้ามาปั่นจนหุ้นตก นายกฯ กล่าวว่า ถ้าโง่ฟังเขาก็ฟังไป แล้วจะไปฟังเขาทำไม ตัวเองต้องประเมินเรื่องนี้ก็มีแถลงการณ์ไปแล้ว ก็ยังจะไปเชื่ออยู่ได้ ปั่นหัวด้วยโซเชียลมีเดียทั้งนี้ และตนไม่สนใจว่าจะเป็นเขย่าความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเพราะคนส่วนใหญ่ยังรักตนอยู่ คนไม่รู้ก็ปล่อยให้เป็นอาหารเต่าปลาไป

เมื่อถามว่าเป็นเพราะถูกมองว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลทหารอาจไม่ชำนาญด้านเศรษฐกิจ จึงถูกลองของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขึ้นเสียงว่า "ผมทำมากกว่าไอ้รัฐบาลบ้านั่นอีก จะบอกให้ และรู้มากกว่าที่เขารู้อีก ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก แต่การทำสุจริตมันยาก เพราะมนุษย์มีความโลภทุกคน ผมก็เคยพูดไปแล้ว ก็อย่าไปขยายข่าวลือ เรื่องนี้ให้มีการตรวจสอบก่อน อย่าไปตื่นตระหนกเพราะมีแถลงการณ์ไปแล้ว"

นายกฯ กล่าวถึงการใช้กฎอัยการศึก ว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจับกุมเรื่องใหญ่ๆได้ เพราะต้องรอการขอหมายศาล แต่พวกที่หนีออกนอกประเทศก็เพราะว่าทำความผิด อย่างพวกที่ตั้งกลุ่มต่อต้านเรียกร้องประชาธิปไตยถือว่าไม่รักชาติ ประเทศกำลังจะเปลี่ยนแปลงและต่างชาติก็เข้าใจ และตนก็บอกว่าขอเวลารัฐบาลหน่อย ทุกวันนี้ได้พยายามเอาวิกฤติปัญหาต่างๆมาเป็นโอกาส เรื่องนี้ทำเพื่อคนไทยทุกคน วันนี้เบี้ยประชุมแม้แต่สลึงเดียวผมก็ไม่เอา ถือว่าให้เด็กเอาไปกินข้าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ที่จะการลดราคาสินค้านั้น ไม่ถือว่าเป็นความยั่งยืน จะทำตลอดไปไม่ได้ แต่เอกชนก็ร่วมมือคืนความสุขให้ประชาชน แต่อยากให้ให้ความสนใจกับมาตรการระยะยาวมากกว่า เพราะกฏหมายที่ยังอยู่ในกระบวนการกว่าร้อยฉบับนั้นจะทำให้เกิดความยั่งยืนในวันหน้า ไม่ว่าจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ การค้าขาย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็จะดีขึ้น ซึ่งทีผ่านมาไม่มีใครทำเช่น กฏหมายที่ดิน กฏหมายภาษี ต้องไปไล่คนที่ไม่ทำ และต้องเข้าข้างผมบ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างกรณีการปรับโครงสร้างพลังงานยอมรับว่าทำแล้วเจ็บตัว แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครทำ ซึ่งวันนี้ก็ดีขึ้น แต่จะให้คาราน้ำมันถูกลง 10-20 บาทก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมกล้าทำแม้ต้องเจ็บตัวก็ยอม ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำให้ความเป็นธรรมกับคนยากจน

เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาเปลี่ยนมาตรการเหล่านี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีมาตรการในระยะยาว เมื่อผมไม่อยู่ก็ต้องมีกลไกในการรักษาสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องดูว่าจะไปอยู่ใหน จะกฏหมาย หรือรัฐธรรมนูญก็ว่าไป เขากำลังพิจารณากันอยู่ ซึ่งเราทำหลายเรื่อง เช่น ที่ดิน บัญชี วันนี้มันเพี่ยนไปหมด ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจสอบ 70% ไม่สามารถทำได้เลย แล้วมีการอนุมัติไปได้อย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังจะปรับโครงสร้างยางพารา ซึ่งเมื่อก่อนราคาอาจจะสูงแต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน จึงจะตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์ และมีการทำลู่วิ่งเพื่อให้เกิดการใช้ยางพารา

เมื่อถามว่า มองว่ามีกลุ่มทุนเข้ามาบิดเบือนกลไกทางตลาดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น เราต้องมีการปรับตัวทุกอย่าง และผู้ประกอบการเองก็ต้องลดต้นทุนเพราะราคาต้นทุนเราสูงกว่าต่างประเทศ แล้วใครได้ผลประโยชน์ ใครมีเงินก็ไปกักราคากันเอาไว้ ถ้ารู้ว่ากลุ่มพวกนี้เป็นใครก็ไปหามา ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวหรือราคาแก๊สต่างมีการหนุนทุกรัฐบาลทำให้บิดเบือนการตลาด ทำให้มีการลักลอบไปขายต่างประเทศ ซึ่งทุกอย่างไม่สามารถแก้ในวันเดียวได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำเพราะทำแล้วเสียคะแนนเสียงและเอื้อประโยชน์ส่วนตนไม่ได้