แบรนด์จีนผงาดตลาดโลก

แบรนด์จีนผงาดตลาดโลก

เครือข่ายร้านอาหารและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน อาจกลายเป็นแบรนด์ที่เห็นกันได้ทั่วไป และสามารถแข่งขันในตลาดโลก

รายงานล่าสุด ของบริษัทวิจัยตลาด เบิร์นสไตน์ รีเสิร์ช และอินเตอร์แบรนด์ เผยว่า เครือข่ายร้านอาหารและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน อาจกลายเป็นแบรนด์ที่เห็นกันได้ทั่วไป และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ เพราะอาหารจานด่วนของจีนที่รวดเร็วและราคาถูก ทำให้ความต้องการร้านอาหารจีน อย่าง กังฟู ฟาสต์ ฟู้ด, ต้าเหนียง ดัมพลิง และ จีแอลแอล วันตันส์ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ขณะนี้ แบรนด์ร้านอาหารจีนในระดับโลกยังมีจำนวนน้อย แต่เมนูอาหารจากประเทศนี้ กลับเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะประสบความสำเร็จ แต่ยังต้องปรับปรุงกระบวนการทำอาหารให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ ชี้ว่า ทั้ง 3 แบรนด์ กำลังพัฒนากระบวนการดังกล่าว และล่าสุด ต้าเหนียง ดัมพลิง ก็ขยายแฟรนไชส์ออกไปต่างประเทศแล้ว

ส่วนในแวดวงเทคโนโลยีนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เลอโนโว และหัวเว่ย จะก้าวขึ้นไปเป็นแบรนด์ระดับโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากชื่อเสียงด้านวิทยาการที่ล้ำหน้า และการวางเครือข่ายจัดนำหน่ายทั่วโลก ที่เรียกเม็ดเงินได้อย่างมหาศาล ต่างกับเสี่ยวหมี่ ที่มีอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากระบบโครงสร้างพื้นฐานโลกไม่เข้มแข็งพอ อีกทั้งการให้บริการจำกัดอยู่เฉพาะในจีน ขณะที่บริษัทอีคอมเมิร์ซดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างอาลีบาบา แม้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุน แต่ฐานผู้ใช้บริการก็ยังอยู่ในจีนเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม การสำรวจของบริษัทวิจัยตลาดนีลเสน ชี้ว่าในปีนี้ แบรนด์รถยนต์ มีแนวโน้มว่าจะสู้กับคู่แข่งต่างชาติไม่ได้อยู่หลายเรื่อง อาทิ ผลิตภัณฑ์ การบริการของตัวแทนจำหน่าย และภาพลักษณ์ที่ออกสู่สายตาผู้บริโภค

เช่นเดียวกับ เบิร์นสไตน์ รีเสิร์ช ที่บอกว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีน มีข้อจำกัดในด้านเทคโนโลยี และส่วนแบ่งตลาดก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่ารัฐวิสาหกิจจีน จะสร้างแบรนด์รถยนต์ของตัวเองขึ้นมา ประกอบกับมีแบรนด์อิสระเข้าสู่ตลาดมากมาย แต่ก็ยังมีแค่ไม่กี่แบรนด์ ที่เข้าถึงคนจำนวนมากได้สำเร็จ

ขณะที่ แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับอัญมณี ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยังสู้แบรนด์ยุโรปไม่ได้ เพราะวางตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ขณะที่แบรนด์ยุโรป สามารถจำหน่ายสินค้าหรูได้หลายประเภท

รายงานชิ้นนี้ ยังเสริมด้วยว่า แม้จีนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะตลาดที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก แต่นอกเหนือจากอาลีบาบาแล้ว ก็ยังหาแบรนด์จีน ที่แข่งขันในตลาดโลกได้ยาก

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของอินเตอร์แบรนด์ นายเลสลี บัตเตอร์ฟิลด์ บอกว่า การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งแบรนด์จีน ยังต้องพัฒนาในจุดนี้อีกมาก แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือแบรนด์จีน พัฒนาจากการเลียนแบบมาเป็นการสร้างนวัตกรรม และมั่นใจในศักยภาพของตัวเองมากขึ้น โดยไม่ต้องเดินตามหลังแบรนด์ชาติอื่น

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน สั่งให้แบรนด์จีนให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เป็นอันดับแรก โดยกล่าวว่า จีน ควรสร้างผลิตภัณฑ์ชั้นนำของตัวเอง สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก หรือไม่ก็ยอมยกธงขาว ถอนตัวออกจากตลาดโลกที่มีการแข่งขันดุเดือดเสีย