'เปี่ยน กี่สิ้น'พร้อมพวก6คนเข้ามอบตัวแล้ว

'เปี่ยน กี่สิ้น'พร้อมพวก6คนเข้ามอบตัวแล้ว

“เปี่ยน กี่สิ้น” อดีตนายกฯป่าตอง พร้อมพวก 6 คน เข้ามอบตัวแล้ว ในฐานความผิดอั้งยี่

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสนธิกำลังของหน่วยงานต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลาง ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูเก็ตทุกหน่วย และทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 ทหารบก ภาค 4 จำนวนกว่า 500 นาย พร้อมหมายจับจำนวน 82 หมาย ลงพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 สิงหาคม 2557ที่ผ่านมา เพื่อออกตรวจค้นเป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตามโครงการดำเนินการกวาดล้างกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล และผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการสอบสวนกลาง นายสิทธิชัย เตี๋ยอำนวยชัย ผอ.สำนักตรวจสอบภาษีกลาง กรมสรรพากร

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 1 ก.ย.57 พ.อ.สมชาย โปณะทอง ผบ.รส.ภูเก็ต ผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พร้อมด้วย น.อ.นันทพล มาลารัตน์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 นำตัวนายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และนายปัทวี กี่สิ้น นายชานนท์ ฟองละแอ นายเศรษฐศักดิ์ บัวซ้อน นายชุมพล แซ่ตัน นางสาวยอดลักษณ์ เกื้อหนุน และนายณัฐภูมิ ทองขาว ผู้ต้องหาในคดีความผิดฐานเป็นอังยี่ โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้น และร่วมกันประกอบการขนส่ง โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน ภายใต้การดูแลของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งระหว่างลงจากรถเพื่อขึ้นไปยังชั้น 4 ของ สภ.เมืองภูเก็ต ได้มีชาวบ้านประมาณ 200 คน มาให้กำลังใจและมอบช่อดอกไม้ให้กับนายเปี่ยน กี่สิ้นด้วย

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพล กล่าวว่า การเข้ามามอบตัวของ นายเปี่ยน กี่สิ้น และพวกรวม 7 คน เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาที่ศาลจังหวัดภูเก็ตได้ออกหมายจับไว้ และก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนก็ได้มีการเดินทางไปให้ปากคำที่ทัพเรือภาค 3 ทั้งนี้ในการระดมกำลังกวาดล้างและทำการจับกุมตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2557 ด้วยการสนธิกำลังกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหารเรือ ทหารบก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร ในพื้นที่ที่มีการออกหมายค้นจำนวน 17 จุด

ผลการตรวจค้นได้เอกสารเป็นจำนวนมาก โดยได้มาจากบริษัท ฟิโซน่า และบริษัทในเครือ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในฮาร์ดิสก์ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีดูดข้อมูลออกมาเก็บไว้แล้ว มีการปิดผนึกและเซ็นชื่อกำกับไว้ และจะมีการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดต่อหน้าผู้ต้องหา และสื่อมวลชนด้วย เนื่องจาการปฏิบัติตรวจค้นได้ใช้กำลังจากหลายฝ่าย

นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดตู้เซฟมาด้วย 1 ตู้ พร้อมกันนี้ยังได้มีการอายัดตู้เซฟไว้ที่โรงแรม อีก 2 ตู้ เพราะเชื่อว่าจะมีการเก็บเอกสารสำคัญไว้ รวมทั้งมีการตรวจยึดรถยนต์ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถสวมทะเบียนที่ปรากฏอยู่ในบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ หากชี้แจงไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของ ปปง. สรรพากร เจ้าหน้าที่ขนส่ง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ในชั้นนี้จะมีการจัดทำบันทึกการมอบตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยพนักงานสอบสวนจะรับตัวผู้ต้องหาไว้ มีการถ่ายรูป ทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ทำบรรทุกแจ้งข้อกล่าวหาให้กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ในความผิดที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้น ความผิดฐานเป็นอังยี่ โดยเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้น และร่วมกันประกอบการขนส่ง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นเพียงข้อหาเบื้องต้น หากมีการตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติมพบว่ามีความผิดนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้หากมีการสอบสวนและพบว่ามีบุคคลอื่นเข้าร่วมกระทำความผิดร่วมอยู่ด้วยก็จะมีการแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาที่คิดว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม ส่วนระยะเวลาในการสอบสวนนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้เวลามากน้อยเพียงใด เนื่องจากมีเอกสารที่ต้องสอบถามจำนวนมาก ประกอบกับในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) ทางอธิบดีกรมสรรพากรจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมทำการตรวจสอบบัญชีเงินได้ต่างๆ ของบริษัทฟิโซน่า และบริษัทในเครือว่าได้มีการจัดทำไว้ว่าถูกต้องตามระบบภาษีหรือไม่ ขณะเดียวกันส่วนของเจ้าหน้าที่ ปปง. และเทคโนโลยี จะมาร่วมทำการตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากฮาร์ดดิสก์ด้วย ซึ่งจะกระทำต่อหน้าผู้ต้องหา และผู้ต้องหาจะต้องชี้แจงข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ และการสอบสวนจะค่อนข้างเนิ่นนาน ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ด้วยว่าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันเดียวกัน (1 ก.ย.) นายปรีชาวุฒิ หรือปราบ กี่สิ้น ลูกชายนายเปี่ยน กี่สิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับฐานความผิดเป็นอั้งยี่ โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้น และร่วมกันประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Prab Keesin ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้งว่า “มอบตัวแล้วครับ ที่ สน.บึงกุ่ม 8.00 น. วันจันทร์ ที่ 1 ก.ย.2557 รอไปส่งที่ภูเก็ตครับ ขอขอบคุณ สน.บึงกุ่มนะครับ บังเอิญไปขึ้นเครื่องไม่ทันครับ รถติดมากครับฝนตกเลยไปมอบตัวที่สน.ที่อยู่ใกล้ที่สุดครับ"

อย่างไรก็ตามจากการสอบถาม นายปรีชาวุฒิ ทางโทรศัพท์ถึงสาเหตุที่เข้ามอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.บึ่งกุม ซึ่งกล่าวว่า เนื่องจากในช่วงที่มีหมายจับได้เดินทางมาทำธุระที่กรุงเทพฯ และเดินทางกลับมามอบตัวที่ภูเก็ตไม่ทัน จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวที่ สน.ที่อยู่ใกล้ที่สุด