สันติภาพเอเชียชี้ชะตาเศรษฐกิจโลก

ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเตรียมที่จะเปิดเผยหลักเกณฑ์เศรษฐกิจเพื่อสันติภาพในเอเชีย
ถึงแม้ว่าความตึงเครียดในเอเชียตะวันออกจะรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากเรื่องผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคง แต่สหรัฐก็หวังว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะสามารถทำให้ความตึงเครียดนี้ไม่บานปลายได้
นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเผยว่า เตรียมที่จะเปิดเผยหลักเกณฑ์เศรษฐกิจเพื่อสันติภาพในเอเชีย
นายรัสเซลแถลงข่าวในกรุงวอชิงตันหลังจากไปเยือนเอเชียเมื่อเดือนก่อนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของภูมิภาคนี้เกิดขึ้นได้เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมภูมิรัฐศาสตร์ที่มีเสถียรภาพเท่านั้น เขาเสริมว่า การที่เอเชียเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจ ตลาดทั่วโลกจึงต้องการให้ 3 ประเทศเศรษฐกิจอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ร่วมมือกัน
แม้ว่านายรัสเซลจะเน้นย้ำความกังวลของสหรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเขตป้องกันพิเศษทางอากาศหรือเอดีไอแซดของจีน แต่เขาก็ยังชี้ว่า หน้าที่ในการรักษาสันติภาพในเอเชียไม่ใช่ของรัฐบาลจีนแต่เพียงฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กล่าวซ้ำถึงกรณีที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐตำหนินายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นที่ไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิว่าทำให้ความขัดแย้งลุกลาม
นอกจากนี้ นายรัสเซลยังเปิดเผยว่า สหรัฐจะไม่แทรกแซงแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพที่นายอาเบะเคยกล่าวเอาไว้
เขาระบุว่า ในประเด็นการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นและในประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันตนเองของญี่ปุ่น ทางสหรัฐยอมรับการตัดสินใจในเรื่องเหล่านั้นที่สามารถเกิดขึ้นและกระทำการโดยตัวแทนของประชาชนญี่ปุ่นได้
ความตึงเครียดระหว่าง 3 ประเทศมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกลายเป็นประเด็นหลักในการประชุมเรื่องนโยบายต่างประเทศนับตั้งแต่เดือนธันวาคม หลังจีนทำให้เกิดความวุ่นวายทางการทูตจากการประกาศเอดีไอแซดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมหมู่เกาะที่มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับญี่ปุ่น
นายรัสเซลย้ำว่า สหรัฐเรียกร้องให้จีนเลิกประกาศใช้เอดีไอแซด รวมถึงแสดงความกังวลต่อกฎหมายตกปลาของจีนที่ห้ามเรือต่างชาติเข้ามาในทะเลจีนใต้ และยอมรับว่าการกระทำของจีนทำให้หลายประเทศในภูมิภาคต้องระส่ำระสาย
เขากล่าวด้วยว่า ภูมิภาคเอเชียและประชาคมโลกต่างต้องการเห็นจีนแสดงเจตนารมย์ที่จะเข้าร่วมและสนับสนุนระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานะประเทศที่เคารพบรรทัดฐานสากล สิทธิของประเทศอื่น และยอมรับหลักเกณฑ์ส่วนรวม ไม่ใช้วิธีบังคับขู่เข็ญ และสุดท้ายคือต้องทำตัวเป็นแบบอย่างด้วย
ขณะเดียวกัน นายรัสเซลยังเน้นย้ำว่าการอ้างสิทธิ์อธิปไตยจะต้องกระทำตามหลักกฎหมายสากล โดยเขาบอกว่า จีนควรจะระบุการอ้างสิทธิ์ของตนให้สอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล นอกจากนี้ ในเชิงพื้นฐานหมายความว่าการอ้างสิทธิ์จะต้องพิจารณาจากลักษณะเขตแดนอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย







