ศาลฯแก้ยกฟ้อง'พระสุเทพ' ไม่ผิด หมิ่น'หมอพรหมินทร์'

ศาลฯแก้ยกฟ้อง'พระสุเทพ' ไม่ผิด หมิ่น'หมอพรหมินทร์'

ศาลฎีกา แก้ยกฟ้อง"พระสุเทพ" ไม่ผิดแถลงข่าวปี49 สมัยเป็นส.ส.สุราษฎร์ปชป. หมิ่น"นพ.พรหมินทร์" อดีตกก.บริหารพรรคไทยรักไทย

ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.908/2549 ที่ นพ.พรหมินทร์ หรือหมอมิ้ง เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พรรคประชาธิปัตย์ , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันบวชเป็นพระ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานดูหมิ่น และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 , 332 , 393 

ตามฟ้องโจทก์ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.49 ระหว่างการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยจำเลยที่ 3 - 4 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้ตรวจพบการกระทำและพยานหลักฐานที่ระบุชัดถึงขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.49 ซึ่งเป็นขบวนการที่ทรงอิทธิพล แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระ รวมทั้ง กกต.ซึ่งควรเป็นองค์กรอิสระ

โดยพบว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นผู้บงการสั่งการ และก็จ่ายเงิน ให้ขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งให้เป็นไปตามเป้าหมายตามพรรคไทยรักไทยกำหนดไว้ ซึ่งการจัดแถลงข่าวของจำเลยทั้งสี่เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปเกิดการเข้าใจผิดว่าโจทก์ พรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หรืองดลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหรือผู้สมัครพรรคการเมืองอื่น ๆ จำเลยทั้งสี่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.49 ขณะที่จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ต่อสู้คดีว่า ไม่ได้มีการกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ ส่วน พระสุเทพ จำเลยที่3 ต่อสู้คดีว่าไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.52 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ เนื่องจากเห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่3 ไม่ได้แต่งเรื่องราวอันเป็นเท็จ แต่ได้รับฟังมาจากนายชวการ โตสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เดินทางมาพบผู้บริหารพรรคไทยรักไทย โดยนายชวการ อ้างว่าได้ยินคำว่า “หมอมิ้ง” และ “ให้เงินจ้างพรรคเล็กเข้าเลืองตั้ง ” กับคำว่า "เป็นคนสายตรงกับหมอมิ้ง" ซึ่งนายชวการ ยอมให้จำเลยที่3 อัดภาพวีซีดีการให้ข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย

ต่อมา นพ.พรหมินทร์ โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.55 แก้เป็น ให้จำคุกพระสุเทพ จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 1,2 และ 4 พิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น แต่ นพ.พรหมินทร์ โจทก์ ยังได้ยื่นฎีกา ขณะที่ พระสุเทพ จำเลยที่ 3 ก็ได้ยื่นฎีกาด้วย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ พระสุเทพ นายองอาจ ได้เดินทางมา ฟังคำพิพากษาฎีกา พร้อมทีมทนายความ 

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า พระสุเทพ จำเลยที่ 3 ได้แถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำนองว่า นพ.พรหมินทร์ โจทก์ กระทำการทุจริต ว่าจ้างพรรคเล็ก ลงสมัครเลือกตั้ง และมีการแก้ไขข้อมูล คอมพิวเตอร์ กกต. ซึ่งภายหลังการแถลงข่าว จำเลยที่ 3 นำเรื่องดังกล่าวและหลักฐานเป็นเอกสารการจ่ายเงินร้องเรียนต่อ กกต.กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งคำวินิจฉัยศาล มีถ้อยคำที่จำเลยที่3 ได้เข้าร้องเรียนรวมอยู่ด้วย ดังนั้นข้อความ ซึ่งจำเลยที่ 3 แถลงข่าวพาดพิงโจทก์ จึงเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่จำเลยได้ข้อมูลมา ไม่ได้เป็นการเสริมแต่งขึ้นเองเพื่อให้ร้ายโจทก์แต่อย่างใด

ซึ่งจำเลยที่ 3 ในฐานะ ส.ส.มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถเปิดเผย แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และประเทศชาติ จึงเป็นแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1)(3) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังนั้น จำเลยที่ 1 , 2 และ4 ย่อมไม่มีความผิดฐานดังกล่าวด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

จึงพิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ยกฟ้อง พระสุเทพ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี จำเลยที่ 3 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ , นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค และ นายองอาจ อดีตโฆษกพรรค จำเลยที่ 1 , 2 และ 4 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายอภิสิทธิ์ พระสุเทพ นายองอาจ ได้เดินทางกลับพร้อมทนายความโดยทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ