'ถวิล'ข้องใจนายกฯอุทธรณ์คำสั่งคืนเลขาฯสมช.

'ถวิล'ข้องใจนายกฯอุทธรณ์คำสั่งคืนเลขาฯสมช.

"ถวิล"ข้องใจนายกฯอุทธรณ์คำสั่งคืนเก้าอี้เลขาฯสมช. หวังศาลปกครองมีบรรทัดฐานแผนยื้อจนเกษียณ

นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ในฐานะอดีตเลขาธิการสมช.กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสมช.ให้กับนายถวิลว่า ตนไม่รู้สึกแปลกใจเพราะคาดการณ์อยู่แล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนพูดตลอดว่าขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเรื่องนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่ได้เป็นเหตุของการบริหารราชการแผ่นดิน

นายถวิล กล่าวว่า ทั้งนี้ตนมีข้อสงสัยในประเด็นที่นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีจะยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานนั้น ตนคิดว่านายธงทองคงไม่ทราบประเด็นเรื่องที่มีการกลั่นแกล้งหรือไม่ เพราะผู้ที่ตัดสินใจย้ายตนและยื่นอุทธรณ์คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งขึ้นอยู่กับมูลเหตุจูงใจของนายกรัฐมนตรี

นายถวิล กล่าวอีกว่า ส่วนข้ออ้างที่ว่าเพื่อให้เกิดบรรทัดฐานในการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ตนแปลกใจว่าทำไมเพิ่งมาสงสัยช่วงนี้ และเหตุใดจึงไม่สงสัยตั้งแต่กรณีของนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตที่ปรึกษานายกฯ โดยศาลปกครองมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน ทั้งนี้ ประเด็นคือการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ อีกทั้ง กรณีของตนกับนายพีรพลมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเหมือนกัน แต่ต่างกันที่คำสั่งคืนตำแหน่งเกิดขึ้นเมื่อนายพีรพลเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ตนยังมีอายุราชการเหลืออีก 1 ปีกว่า ทั้งนี้ตนเห็นว่าศาลไม่ได้ก้าวล่วงเรื่องดังกล่าว แต่เป็นการพิจารณาว่าฝ่ายบริหารใช้อำนาจชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง นายพีรพลได้รับความยุติธรรมเมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้ว คำพิพากษาจึงไม่ปรากฎจริงในทางปฏิบัติ แต่กรณีของตน ถ้ารัฐบาลไม่อุทธรณ์ แล้วปฏิบัติตามคำสั่งศาล ก็จะเป็นการเยียวยาได้ เพราะตนได้กลับไปเป็นเลขาธิการสมช. ตรงนี้จึงน่าจะเป็นบรรทัดฐานที่ปรากฎเป็นข้อเท็จจริง

นายถวิล กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนทำได้ตอนนี้ คือถ้านายกรัฐมนตรีไม่อุทธรณ์ ตนก็กลับไปทำงานในตำแหน่งเลขาธิการสมช. แต่ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์ ก็ต้องรอดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะรับพิจารณาหรือไม่ และถ้าศาลฯรับพิจารณาแล้วเริ่มการไต่สวน ตนก็ต้องไปต่อสู้ทางกฎหมาย แก้คำอุทธรณ์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่ากระบวนการในส่วนของศาลฯจะใช้เวลานานเท่าใด และก็ต้องรอว่าจะมีคำพิพากษาออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตนจะไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่นั้น ก็คงต้องพิจารณาดูอีกครั้ง ทั้งเรื่องของเหตุผล ความจำเป็น และรายละเอียดของการยื่นอุทธรณ์ แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้กัน ตนก็จำเป็นที่จะต้องหยิบฉวยหลายอย่างมาต่อสู้ในขอบเขตของกฎหมาย ตอนนี้ตนยังมีความหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้คิดเอาแพ้-เอาชนะกับนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถ้าเรื่องจบด้วยดี ก็จะดี และตนก็ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าคิดว่าศาลปกครองสูงสุดจะรับการอุทธรณ์ของนายกฯหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า เป็นสิ่งที่บอกไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่าศาลฯต้องสร้างบรรทัดฐานในเรื่องนี้ โดยเฉพาะหากมีการลากเรื่องนี้เพื่อรอให้ตนเกษียณอายุราชการ คนเราเวลาต่อสู้อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องทำ

นอกจากนี้ นายถวิลได้ฝากอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของนายกรัฐมนตรีด้วย ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีนำพาประเทศชาติผ่านอุปสรรคปัญหาความยุ่งยากไปได้ และขอให้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ประชาชนทุกคน