'ทิม พิธา'&'อุ๊งอิ๊ง' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า

'ทิม พิธา'&'อุ๊งอิ๊ง' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า

ปรากฎการณ์สองผู้นำพรรคการเมือง 'ทิม พิธา' สาธิตการใช้ผ้าขาวม้าก่อนเลือกตั้ง ,พาเที่ยว และเครื่องดื่มแก้วโปรดต้อง'กาแฟส้ม' ส่วนเรื่องสวยๆ งามๆ ต้องยกให้'อุ๊งอิ๊ง'ลิปที่เธอใช้ และมินต์ช็อก เครื่องดื่มแก้วโปรด

ถ้าตัดเรื่องความขัดแย้งระหว่างขั้วการเมืองออกไป ลองมองมุมบวกๆ หรือมุมที่มีประโยชน์ การใช้โอกาสของ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร วัย 36 ปี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย น่าสนใจทีเดียวกับพลังซอฟต์พาวเวอร์บอกเล่าเรื่องดีๆ ในสังคมไทย

ก่อนจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย พิธา เดินสายหาเสียงลงชุมชนในหลายๆ จังหวัด พบเห็นเรื่องราวมากมาย ส่วนอุ๊งอิ๊งแม้จะไม่ได้ลงพื้นที่อย่างหนักหน่วงเหมือนพิธา ในโค้งสุดท้ายที่กำลังตั้งครรภ์ ก็เห็นถึงความอึดในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

สองผู้นำพรรคการเมืองยุคปี 2566  ต่างเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้จักใช้สื่อในการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง และไม่ลืมเรื่องเล็กๆ ที่พอทำได้ แค่ถ่ายรูปรีวิวเครื่องดื่ม ก็มีผลต่อยอดขายร้านกาแฟเล็กๆ แม้จะเป็นร้านกาแฟในพรรคก็ตาม แต่คนในสังคมก็มีส่วนร่วมในความอร่อยแบบพิธาและอุ๊งอิ๊งได้ เป็นสุนทรีย์อย่างหนึ่งในชีวิตที่เลือกเสพได้

 

\'ทิม พิธา\'&\'อุ๊งอิ๊ง\' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร วัย 36 ปี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

 

พิธาและอุ๊งอิ๊ง คนเจนเอ็กซ์

ที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ พิธา ในวัย 42 ปี และอุ๊งอิ๊ง คุณแม่ลูกสองวัย 36 ปี ทั้งสองอยู่ในวัยทำงาน มีความฝัน อยากเปลี่ยนแปลงสังคม ตามประสาคนเจนเอ็กซ์ (Gen X กลุ่มคนในวัย 33 - 47 ปี  เป็นช่วงชีวิตที่มีความมั่นคงในชีวิตสูง การใช้ชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ วิดีโอเกม โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ) ซึ่งคนเจนนี้จะมีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิตต่างจากคนรุ่นอนุรักษ์นิยม 

แม้คนเจนนี้จะไม่เก่งกาจเรื่องเทคโนโลยีเหมือนคนรุ่นเจนวาย (GenY –เด็กยุคใหม่ที่กล้าแสดงออก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่แคร์ต่อคำวิจารณ์ มีความมั่นใจในตัวเอง ชอบทางลัดและไฮเทคโนโลยีเป็นที่สุด เพราะทุกคำถามมีคำตอบในโลกอินเทอร์เน็ต) แต่คนเจนนี้(ไม่ใช่ทุกคน) ก็เข้าใจโลกที่เปลี่ยนไปและรู้จักใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิต

พิธาก็เคยลงไปในชุมชนรับรู้ปัญหาในหลายจังหวัด อะไรที่กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยได้ ก็ลงมือได้เลย ผ่านการบอกเล่าเรื่องราว อาทิ สาธิตการคาดผ้าขาวม้า ท่องเที่ยวสไตล์พิธาหรือกาแฟส้มแก้วโปรด แนะนำกันที่ร้าน Sol Bar คาเฟ่ที่พรรคก้าวไกล และเรื่องราวสุราพื้นบ้านที่เกี่ยวโยงไปถึงสุราก้าวหน้า ซึ่งเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนในหลายประเด็น

อุ๊งอิ๊งเรื่องสวยๆ ต้องมาก่อน

ก่อนจะเล่าถึงเครื่องดื่มที่เป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ มาเรื่องสวยๆ งามๆ ก่อนดีกว่า  สำหรับผู้หญิงแล้ว เรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม เป็นความสำคัญอันดับต้นๆ และยิ่งเป็นคนดัง เรื่องความสวยยอมกันไม่ได้ บนใบหน้าเนียนๆ ลิปสติกสีหวานๆ ของอุ๊งอิ๊งในช่วงที่เธอหาเสียง ก็เป็นจุดสนใจของแฟนคลับ...ลิปสติกสีชมพู อุ๊งอิ๊งใช้แบรนด์ไหน อยากรู้จัง...

จนที่สุดเธอเฉลยว่าใช้อยู่ 4 แบรนด์ YSL Slim Velvet Radical สี 311 ชมพูนู้ด และลิป Amuse (แบรนด์เกาหลี) สี Oat fig  ส่วนลิปแบรนด์ไทย Jovina สี Moulin Rouge (ราคา 290 บาท) แบรนด์เครื่องสำอางของบิวตี้บล็อกเกอร์กชวรรณ สัจจาหรือแก้มกี้ และลิปแบรนด์ Naree สี Dinner time (ราคา 149 บาท)

แบรนด์ไทยๆ ราคาไม่แพง เนื้อเนียนนุ่มละมุนทาเต็มปาก จะทาแบบไล่สีก็สวยเหมือนสาวเกาหลีมีให้เลือกด้วยกันถึง 30 เฉดสี

ตามด้วย ช็อกมินต์ หรือ “มินต์ช็อก” เครื่องดื่มที่อุ๊งอิ๊ง เคยแชร์สตอรี่ในไอจี พร้อมแคปชั่นว่า "ถึงไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ดิฉัน คือหัวหน้า มินต์ช็อกที่แท้ทรู" ใต้ตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทย ที่อุ๊งอิ๊งดื่มประจำคือ ร้าน “ThinkLab creative space and cafe”

เป็นเรื่องดีๆ ที่ทำให้เครื่องดื่มในร้านกาแฟกลายเป็นที่สนใจ  เพิ่มยอดขายให้ร้านกาแฟ และยังค้นกันถึงที่มาที่ไปเครื่องดื่มสูตรนี้

ว่ากันว่าเครื่องดื่มที่เรียกว่า มินต์ช็อก มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 เชื่อว่าชาวยุโรปเป็นผู้ริเริ่มนำเอาช็อกโกแลตมาผสมกับมินต์ และเพื่อให้ช็อกโกแลตมีรสชาติหวานขึ้น จึงมีการเพิ่มรสชาติด้วย อบเชย หรือ มินต์ จนเกิดเป็น “ช็อกโกแลตมินต์” 

\'ทิม พิธา\'&\'อุ๊งอิ๊ง\' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า พิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 

พิธา เรื่องส้มๆ ต้องชูให้ชัด

เริ่มจากเรื่องส้มๆ สัญลักษณ์พรรคก้าวไกล กาแฟส้ม เมนูแก้วโปรดของพิธา ทำให้หลายคนอยากลิ้มลองความหวานในความขมของกาแฟเอสเพรสโซ่ผสมน้ำส้มบ้าง

วิธีทำก็ง่ายนิดเดียว แต่ความอร่อยอยู่ที่ฝีมือบาริสต้า ให้เทน้ำส้มลงแก้ว แล้วใส่น้ำแข็งตามด้วยกาแฟขมๆ ส่วนเคล็ดลับการดื่มจะดูดด้วยหลอดจากล่างขึ้นบน หรือ ผสมรวมกันก็เลือกได้

และก่อนหน้านี้โพสต์...พิธาพาเที่ยว ก็สร้างความฮือฮาไปบ้างแล้ว อ้าว! เขาพาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ได้นอนโรงแรมหรูหรือ แต่เลือกที่พักโฮมสเตย์และท่องเที่ยวแบบชุมชนที่จัดการดีๆ มาแนะนำ

ก่อนการเลือกตั้งพิธาเก็บร้อยเรื่องราวไว้มากมาย เขาเคยสาธิตการใช้ผ้าขาวม้า ของใช้สารพัดประโยชน์ที่อยู่กับคนไทยมาเนิ่นนาน จะคาดพุง รองนั่ง คลุมแดด ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ก็เลือกใช้สอยได้ตามอัธยาศัย

\'ทิม พิธา\'&\'อุ๊งอิ๊ง\' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า กาแฟส้ม เมนูโปรดที่รู้จักกันเป็นอย่างดี

สารพัดประโยชน์ผ้าขาวม้า

ถ้าพูดถึงผ้าขาวม้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีชื่อเสียง เป็นต้องนึกถึงผ้าขาวม้าร้อยสี อ.หนองขาว จ.กาญจนบุรี ในหนึ่งผืนจะใช้สีหลักเพียง 4 สี ทอสลับกันไปมาตามแนวเส้นพุ่งและเส้นยืน เมื่อเส้นด้ายเกิดการซ้อนกันจะเกิดสีใหม่ขึ้นบนผืนผ้า มีสีสันสะดุดตาจึงเรียกว่า “ผ้าขาวม้าร้อยสี”

ในภาคใต้ รูปแบบของผ้าขาวม้าจะไม่ต่างจากภาคอื่นๆ ผ้าขาวม้าเกาะยอจะใช้ฝ้ายที่มีคุณภาพดีในการทอ คนใต้จะเรียกผ้าขาวม้าว่าผ้าซักอาบ ผ้าชุบ ตามลักษณะการใช้งาน ส่วนผ้าขาวม้าในภาคอีสานมี 2 ลักษณะ คือ ผ้าแพรขาวม้า มีลวดลายสีเหลี่ยมจัตุรัสคล้ายตารางหมากรุก และผ้าแพรไส้ปลาไหล มีลวดลายเป็นริ้วๆ คล้ายกับปลาไหลที่ถูกผ่าท้องควักไส้ออกมา

ส่วนคนเหนือ เรียกผ้าขาวม้าว่า ผ้าหัว ผ้าตะโก้งหรือตาโก้ง ซึ่งหมายถึงผ้าลายตาราง ผ้าขาวม้าในภาคเหนือ เชิงผ้าจะใช้เทคนิคการจกลวดลายเพิ่มเข้าไป โดยลายที่จกเข้าไปจะเน้นลายตามคตินิยมของแต่ละชุมชน เช่น ลายนก ลายช้าง ลายม้า ลายเจดีย์ ลายยกดอก

\'ทิม พิธา\'&\'อุ๊งอิ๊ง\' สองผู้นำพรรคการเมือง :ของดีๆ เมืองไทยที่อยากบอกเล่า

เมื่อไม่นาน ผ้าขาวม้า ผ้าเอนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ได้ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกด้วยผ้าที่มีลวดลายตารางสี่เหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ขนาดกว้าง 60-80 ซม.และยาว 120-180 ซม. พบการใช้ประโยชน์อยู่ทุกภาคและชุมชน รวมถึงชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มไทลื้อ ไทยวน ไทยลาว ภูไท ส่วย กูย มีลวดลายหรือสีแตกต่างกันตามเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เข้าถึงง่ายและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน

ทั้งหมดคือ เรื่องราวเล็กๆ จากพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่ผู้นำทั้งสองพรรคการเมืองทำให้ของไทยๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น และคงไม่ได้หยุดแค่นี้ ซึ่งกลยุทธ์แบบนี้คนดังท่านอื่นๆ จะนำไปใช้บ้าง ก็ถือว่า ช่วยกันโปรโมทของดีๆ ในเมืองไทย 

..............

อ้างอิง : https://www.okmd.or.th/