‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

'อิสราเอล' เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าประทานมาให้สำหรับทำไวน์ สามารถผลิตไวน์คุณภาพดีไม่แพ้ ‘ไวน์โลกใหม่’ อย่าง ออสเตรเลีย อเมริกา ชิลี นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ ‘ไวน์อิสราเอล’ บางยี่ห้อ สามารถพิชิต 'ไวน์โลกเก่า' ได้

ผมเขียนถึง ไวน์อิสราเอล ค่อนข้างบ่อย และมีผู้สอบถามเข้ามามากขึ้น ประกอบกับมีข้อมูลอัปเดท จึงนำเสนอเรื่องราวของไวน์อิสราเอลอีกครั้ง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะนักโบราณคดีชาวอิสราเอลขุดค้นพบนิคมผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคอาณาจักรไบแซนไทน์ (Byzantine) ที่เมืองยาฟนี (Yavne) ทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวง โดยบริเวณดังกล่าวเคยเป็นถิ่นที่อาศัยของชาวยิวในยุคนั้นซึ่งนครเยรูซาเล็มถูกทำลายเมื่อประมาณ ค.ศ.70

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม     อุปกรณ์ทำไวน์ที่ขุดพบ

นิคมผลิตไวน์แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่า 1 ตารางกิโลเมตร โดยใช้เวลาขุดค้นนานถึง 2 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งขุดค้นโบราณตั้งแต่ยุคอาณาจักรเปอร์เซียเรืองอำนาจ หรือเมื่อประมาณ 2,300 ปีมาแล้ว

ซากนิคมผลิตไวน์ที่พบนั้นมีความเก่าแก่กว่า 1,500 ปี ประกอบไปด้วยตั้งแต่โรงเก็บไวน์เพื่อบ่มและนำออกไปจำหน่าย โรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้เป็นภาชนะเก็บไวน์ โดยนักขุดค้นพบเศษเครื่องปั้นจำนวนมาก คาดว่านิคมดังกล่าวสามารถผลิตไวน์องุ่นได้กว่า 2 ล้านลิตรต่อปี

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม     นิคมผลิตไวน์ยุคไบเซนไทน์

ไวน์ที่ผลิตจากนิคมแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันว่า ไวน์กาซา และ ไวน์แอชคีลอน เนื่องมาจากท่าเรือที่ส่งออกไวน์ดังกล่าวในยุคนั้น ถือเป็นเครื่องดื่มหรูที่มีราคาสูงและไวน์องุ่นเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในยุคโบราณ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากน้ำดื่มปนเปื้อน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ไวน์อเล็กซานเดอร์ ของอิสราเอลซึ่งตั้งขึ้นในปี 2539 มีไวน์รุ่นแกรนด์ รีเซิร์ฟ (Grand Reserve) วางจำหน่ายตามภัตตาคาร โจเอล โรบูชง ในกรุงโตเกียว ราคาราวขวดละ 6,300 บาท ซึ่งทางบริษัทเชื่อว่า เป็นผู้ผลิตไวน์อิสราเอลรายเดียวที่มีวางจำหน่ายในภัตตาคารระดับ 3 ดาวมิชลิน

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

    ไวน์อเล็กซานเดอร์

อิสราเอล (Israel) เป็นประเทศในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายฝั่งเหนือของทะเลแดง มีพื้นที่ราว 27,800 ตร.กม.จากเหนือถึงใต้มีความยาว 470 กม.สามารถเดินทางด้วยรถยนต์จากเหนือสุดถึงใต้สุดใช้เวลา 9 ชม. จากตะวันตกไปตะวันออก มีความกว้างสุด 135 กม.ใช้เวลา 90 นาที มีประชากรราว 9.4 ล้านคน

อิสราเอล มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะภูมิประเทศค่อนข้างหลากหลาย โดยมีทั้งที่ราบชายฝั่งทะเล (ภาคตะวันตก) หุบเขาเทือกเขา (ภาคตะวันออก) และทะเลทราย (ภาคใต้) ทะเลสาบ Dead sea บริเวณภาคใต้ถือว่าเป็นจุดที่อยู่ต่ำสุดของโลก นั่นเป็นเหตุหนึ่งที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกองุ่นทำไวน์

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

   เขตทำไวน์ในอิสราเอล

อย่างไรก็ตามเมื่ออิสราเอลได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 นั้น มีโรงผลิตไวน์ในประเทศเพียง 14 แห่ง ปัจจุบันมีโรงผลิตไวน์น้อยใหญ่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ผลิตไวน์รวมกันได้มากกว่า 40 ล้านขวดต่อปี สร้างรายได้ปีละราว 9,100 ล้านบาท ผู้นำเข้ารายใหญ่ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส

อิสราเอล ผลิตไวน์มาตั้งแต่ยุคไบบลิคัล (Biblical) ซึ่งตอนนั้นอิสราเอลถูกเรียกว่าคานาน (Canaan) และฌูเดีย (Judea) มีหลักฐานว่าผลิตไวน์ก่อนชาติในยุโรปประมาณ 200 ปี

สมัย Biblical นั้นไวน์มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยในช่วงต้นคริสตกาล ดินแดนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการค้าไวน์ที่กระจายไปสู่ฝรั่งเศส อิตาลี และเลบานอน

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม    ไร่องุ่นกลางทะเลทราย

ศูนย์กลางการผลิตไวน์ของอิสราเอลยุคโบราณอยู่ที่เมืองกิบอน (Gibeon) ประมาณปี 1959-1960 นักโบราณคดีได้ค้นพบเซลลาร์ใต้ดินสำหรับเก็บไวน์ ซึ่งอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส พร้อมกับพิสูจน์พบว่า ไวน์ผลิตและเก็บอยู่ในเมืองกิบอนตั้งแต่ 600– 700 C.E.

หลังจากโรมันรุกราน Judea ในช่วง 70 C.E. ไร่องุ่นถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก และเมื่อมุสลิมเข้ามาครอบครองในช่วง 636 C.E. ไวน์ก็กระสานซ่านเซ็นแทบจะสูญหายไปจากดินแดนแห่งนี้ ประกอบกับความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งดึงอิสราเอลเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้อรรถรสน่าตื่นตะลึงเกี่ยวกับไวน์อิสราเอลถูกกลบด้วยเสียงอื้ออึงของสงคราม

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม      ไวน์โคเชอร์

ที่ผ่านมาอิสราเอลมีชื่อเสียงในการผลิตโคเชอร์ (Kosher) หรือไวน์หวานสำหรับประกอบพิธีกรรม โดยมีลูกค้าเป็นกลุ่มชาวยิวที่กระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นสินค้าส่งออกหลัก ปัจจุบันโคเชอร์ก็ยังมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไวน์ของอิสราเอล

บารอน เอ็ดมอนด์ เดอ ร็อธส์ไชลด์ (Baron Edmond de Rothschild) ต้นตระกูลผู้ผลิตไวน์ชั้นสุดยอด ชาโต ลาฟิต ร็อธส์ชิลด์ (Chateau Lafite Rothschild) และเจ้าของชาโต คลาร์ก เคยพูดไว้ตั้งแต่ปี 1882 ซึ่งเป็นปีที่ท่านเดินทางไปเยือนประเทศอิสราเอลว่า

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม     ไวน์ที่มีชื่อเสียงของอิสราเอล

...ได้พบแผ่นดินทองสำหรับปลูกองุ่นทำไวน์ อยู่ใกล้กับภูเขาคาร์เมล ทางตอนใต้ของเมืองหลวง เทล อาวีฟ จึงตัดสินใจลงทุนก่อตั้ง วินยาร์ดที่ชื่อว่า ริชอน เลอ ซิออน แอนด์ ซิชรอน ยาคอฟ (Rishon Le Zion& Zichon Yaakov) ขึ้นมา

ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของการผลิตไวน์ของอิสราเอล หลังจากนั้นเขาสนับสนุนให้ชาวยิวอพยพปลูกองุ่นทำไวน์ ท่ามกลางดินที่แน่นไปด้วยหิน ทราย และอากาศที่ร้อนระอุ ประกอบกับช่วงนั้นฟีลล็อกซีราทำลายองุ่นในยุโรปจนราบเป็นหน้ากลอง ท่านบารอนทำคุณประโยชน์ให้กับวงการไวน์ และรบบเศรษฐกิจของอิสราเอลมากมาย จนรัฐบาลนำรูปของท่านไปพิมพ์ลงในธนบัตร

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

      บารอน เอ็ดมอนด์ เดอ ร็อธส์ไชลด์ ในธนบัตร

พันธุ์องุ่นในอิสราเอลล้วนเป็นสายพันธุ์คลาสสิกจากยุโรปทั้งสิ้น โดยกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) นิยมปลูกมากที่สุด และทำไวน์ได้คุณภาพดี ตามด้วยแมร์โลต์ (Merlot), โซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc) และชาร์โดเนย์ (Chardonnay)

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

   ไวน์ Barkan

นอกนั้นก็มีปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) กาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) โยฮันนิสเบิร์ก รีสลิ่ง (Johannisberg Riesling) เกวืร์ซทรามิเนอร์ (Gewürztraminer) และมุสแคต คาเนลลี (Muscat Canelli)

พันธุ์ใหม่ ๆ ก็มีซีราห์/ชิราซ (Syrah/Shiraz), เปอตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot),วีญอเย (Viognier), ซินฟานเดล (Zinfindel), เปตีต์ ซีราห์ (Petite Sirah) และมุสแคต ออฟ อเล็กซานเดรีย ( Muscat of Alexandria) ใช้ทำไวน์หวาน

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม     สปาร์คกลิ้งไวน์

ส่วนเอ็มเมอรัล รีสลิง (Emerald Riesling) เกิดจากการผสมสายพันธุ์ระหว่างโจฮันนิสเบิร์ก รีสลิง (Johannisberg Riesling) กับมุสกาเดลล์ อิสราเอลสามารถทำได้มากกว่าแคลิฟอร์เนีย แหล่งกำเนิดเดิมขององุ่นพันธุ์นี้

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม     โรงงานทำไวน์ที่ทันสมัยในอิสราเอล

แหล่งปลูกองุ่นดั้งเดิมของอิสราเอลอยู่ในเขตชารอน แอนด์ ชิมชอน (Sharon & Shimshon) แต่ไวน์คุณภาพดีเยี่ยมมาจากอัปเปอร์ กาลิลี (Upper Galilee), ที่ราบสูงโกลัน (Golan Heights), ฌูดีน ฮิลล์ แอนด์ รามัต อารัด (Judean Hills & Ramat Arad) เนื่องจากบริเวณนี้ดินเป็นดินแดง เทอร์รา รอสซา (Terra Rossa) หินปูน, ดินเหนียวปนทราย และดินภูเขาไฟ มีพื้นที่ปลูกองุ่นรวม 4,000 เฮกตาร์ ทำให้อิสราเอลเป็นหนึ่งประเทศขนาดเล็กที่ผลิตไวน์ได้ยอดเยี่ยม

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม    คาร์เมล ไวเนอรี

ในช่วงศตวรรษที่ 20 Carmel เป็นไวน์อิสราเอลรายแรกที่ไปคว้าเหรียญทองจากงาน Paris World's Fair ที่ประเทศฝรั่งเศส รุ่นที่ได้คือ Carmel No.1 วินเทจ 1900 เป็นสัญญาณว่าไวน์อิสราเอลกลับสู่ความยิ่งใหญ่สว่างไสว หลังถูกความมืดบดบังไปกว่า 2,000 ปี

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม

   ไวน์ที่ได้รับรางวัลจากปารีส

ปี 1970 Carmel เริ่มผลิตไวน์จากองุ่นพันธุ์คลาสสิกเป็นครั้งแรกของอิสราเอล จากองุ่นกาแบร์เนต์ โซวีญยอง และโซวีญยอง บลอง ขณะที่อิสราเอล ไฟน์ ไวน์ที่ผลิตอย่างจริงจังพิถีพิถันตัวแรกคือ Carmel Special Reserve 1976 (วางตลาดปี 1980)

อิสราเอลแม้จะเป็นดินแดนที่พระเจ้าประทานให้ทำไวน์ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนกว่ามนต์คำสาปที่ให้พวกเขายังต้องอยู่ภายใต้เงื้อมเงาของสงครามและความขัดแย้งจะยังไม่หมดไป....

‘ไวน์อิสราเอล’ ความยอดเยี่ยมภายใต้ไฟแห่งสงคราม    ไร่องุ่น

ไวน์อิสราเอล นำเข้ามาเมืองไทยอย่างเป็นทางการน่าจะกว่า 30 ปีที่แล้ว บริษัทที่นำเข้าเก่าแก่คือ U&V Intertrade นำเข้ายี่ห้อ บาร์กัน (Barkan) หนึ่งในผู้ผลิตไวน์เก่าแก่และไวน์คุณภาพของอิสราเอล โดยผู้นำเข้ามากว่า 20 ปี

ผู้สนใจสอบถามที่โทร. 02 962 0788