ละครคุณธรรม ละครแนวตั้ง - ความบันเทิงบนมือถือ จออาจจะเล็กแต่ตลาดใหญ่

ละครคุณธรรม ละครแนวตั้ง - ความบันเทิงบนมือถือ จออาจจะเล็กแต่ตลาดใหญ่

ท่านผู้อ่านได้เคยดูหรือผ่านตากับละครแนวตั้งบ้างไหม? ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาละครแนวตั้ง หรือ Vertical Short Series หรือ Micro-Drama ได้กลายเป็นอีกรูปแบบความบันเทิงบนโทรศัพท์มือถือที่มาแรงแบบเงียบๆ

ละครแนวตั้ง หรือ ละครสั้นที่แบ่งเป็นตอนๆ สร้างขึ้นมาสำหรับบนมือถือโดยเฉพาะ และแต่ละตอนก็มีความยาวเพียงไม่กี่นาที และเนื้อหานั้นก็มักจะวางไคลแมกซ์ที่ทำให้คนดูต้องกดดูตอนต่อไปทันที และสุดท้ายเมื่อติดแล้วก็นำไปสู่การเสียเงินเพื่อดูจนจบ

เราจะพบละครแนวตั้งได้ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งมีแอปสำหรับดูละครแนวตั้งโดยเฉพาะ ช่วงที่ละครประเภทนี้เริ่มเป็นที่นิยมใหม่ๆ หลายคนก็จะเรียกว่าเป็น “ละครคุณธรรม” 

เนื่องจากเนื้อเรื่องมักจะเป็นประเภท คุณหนูจากตระกูลผู้ดีตกยาก หรือ การปลอมตัวมาแต่งงาน หรือ ซีอีโอที่ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะ ฯลฯ ในช่วงหลังเนื้อเรื่องก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ในปัจจุบันที่เป็นที่นิยมกันก็จะประเภทย้อนเวลากลับไปยุคแร้นแค้นในอดีต แต่มีระบบที่ทำให้นำสิ่งของต่างๆ จากโลกปัจจุบันไปใช้ได้ เป็นต้น

จุดเริ่มต้นของละครแนวตั้งมาจากที่ประเทศจีน จากนั้นก็ขยายสู่สากลจนมีแอปใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อรองรับละครแนวตั้งโดยเฉพาะและนำไปสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่

 มีรายงานจาก Media Partners Asia ระบุว่า รายได้จากละครแนวตั้งในจีนในปี 2568 มีรายได้แซงรายได้จากโรงหนังแล้ว โดยมีมูลค่าทั้งอุตสาหกรรมในจีนราว 9.4 พันล้านดอลลาร์ ผู้ชมทะลุ 830 ล้านคน และเกือบ 60% ยอมจ่ายเงินหรือทำธุรกรรม เพื่อเข้าถึงเนื้อหาอย่างเต็มอิ่ม

สำหรับนอกประเทศจีน ก็มีการเติบโตอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจาก Sensor Tower ระบุว่าในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้ของแอปละครสั้นอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ มียอดดาวน์โหลดเกือบ 950 ล้านครั้ง

โดยอเมริกาเป็นตลาดทำเงินอันดับ 1 ขณะที่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ลาตินอเมริกา ก็มียอดดาวน์โหลดที่สูงขึ้น

สำหรับในไทยนั้นผู้ผลิตและผู้ให้บริการในไทย ก็ได้จับกระแสและเริ่มผลิตละครแนวตั้งกันมากขึ้น มีการเปิดตัวจากหลายผู้ผลิตและเจ้าของสื่อออกมามากขึ้น

แสดงให้เห็นถึงกระแสและความนิยมในละครแนวตั้ง สำหรับช่องทางในการรับชมนั้น นอกเหนือจากแพลตฟอร์มหลักอย่าง TikTok, YouTube Shorts, หรือ IG Reels แล้ว ก็มีแอปเฉพาะอย่าง ReelShort หรือ DramaBox 

ส่วนโมเดลการทำเงินนั้นก็มักจะเป็นแบบ Freemium นั้นคือรับชมฟรีไม่กี่ตอนแรก (โดยเฉพาะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ) และเมื่อผู้ชม “ติด” แล้วก็ต้องเข้าไปโหลดและดูในแอปเพื่อจ่ายเงิน ซื้อเหรียญ ดูโฆษณา หรือ สมัครสมาชิกเพื่อปลดล็อกและดูต่อไป

ในมุมของผู้บริโภคนั้น ละครแนวตั้งกลายเป็นช่องทางความบันเทิงรูปแบบใหม่ ที่ชวนให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ และมีความสะดวกทั้งในการรับชม และเสียเงิน ส่วนในมุมของผู้ผลิตนั้น ละครแนวตั้งสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วด้วยต้นทุนที่ถูก

มีรายงานข่าวว่าละครแนวตั้งบางเรื่องของจีนใช้ทุนเพียงหลัก 1 แสน ถึง 1 ล้านหยวนเท่านั้น ใช้ทีมงานเพียงไม่กี่คน สามารถถ่ายเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ ถ้าเรื่องไหนได้รับความนิยมก็จะเร่งสร้างภาคต่อไปได้ทันที

ขณะเดียวกันในฝั่งตะวันตกก็มีความตื่นตัวในเรื่องละครแนวตั้งกันอย่างมาก มีละครฝรั่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และมีการเปิดเผยว่างบประมาณต่อการสร้างละครแนวตั้งเรื่องหนึ่งที่มีความยาวอยู่ที่ 3 แสนดอลลาร์

ขณะเดียวกันแอป ReelShort ที่ให้บริการโฮสต์ละครแนวตั้งมีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์

สำหรับพล็อตเรื่องที่ขายดีมักอยู่ในกรอบ รักโรแมนติก / แฟนตาซี / เจ้าสัวกับนางเอกผู้ลำบาก หรือ นางเอกผู้ดีตกยาก ฯลฯ เนื่องจากจะเป็นเรื่องราวที่กระตุ้นอารมณ์หรือชวนให้ติดตามได้ในเวลาสั้น และเริ่มมีการใช้ AI ในการสร้างเรื่องราวและผลิต ซึ่งจะยิ่งช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาขึ้นไปอีก

ถ้ามองในเชิงธุรกิจแล้วละครแนวตั้ง ใช้ทั้งเรื่องของ Story, Speed และ Scale เป็นปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีและพฤติกรรมยุคปัจจุบันที่เร่งรีบ

ต้องการเสพความบันเทิงในระยะสั้นผ่านทางมือถือ มีช่องทางในการหารายได้ที่หลากหลาย และยังสามารถได้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในการรับชม

สุดท้าย AI ก็สามารถเข้ามาช่วยทำให้ทั้งประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขึ้นไปอีก

ถ้าท่านไหนยังไม่เคยลองชมละครแนวตั้งก็ลองดู แล้วจะพบว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความบันเทิง และอย่าลืมสนับสนุนละครแนวตั้งของไทยกันด้วย.