แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน

งดงามในความขลัง ‘แอ่วกุมกามยามแลง’ คืนชีวิตเวียงกุมกามโบราณสถาน กรมศิลปากรนำโขนรามเกียรติ์เปิดแสดงในเวียงโบราณ พร้อมแสงไฟเทคนิคพิเศษผสานผางประทีปล้านนา ต่อยอด Thailand Winter Festival ส่งเสริมท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถานและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยามค่ำคืน

งามมลังเมลืองส่องสว่างความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของอดีตเมืองหลวงอาณาจักรล้านนาสมัยพญาเม็งราย เมื่อ กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมศิลปากร นำร่องจัดงาน แอ่วกุมกามยามแลง ณ โบราณสถาน เวียงกุมกาม เจ้าของฉายา ‘นครโบราณใต้พิภพ’ ณ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ สร้างความคึกคักให้กับโบราณสถานและเศรษฐกิจชุมชนโดยรอบ

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน แสงไฟส่องสว่างไปยังวัดอีก้าง โบราณสถานเวียงกุมกาม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน วัดอีก้าง ก่อนใกล้ค่ำ

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน วัดอีก้างเมื่อวางผางประทีป

ภายในงานโดดเด่นด้วยการจัดแสดงแสงไฟสาดส่องไปยัง โบราณสถาน ปกติกรมศิลปากรจัดแสงไฟส่องสว่างไปยังโบราณสถานแต่ละแห่งและบริเวณโดยรอบอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของโบราณสถานยามค่ำคืน

แต่ครั้งนี้เป็นการเพิ่ม แสงไฟแบบ warm light เพื่อให้เห็นองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมชัดเจนมากยิ่งขึ้น และ แสงไฟกราฟิก ให้ดูสนุกขึ้น ผสมผสานกับแสงไฟแบบศิลปวัฒนธรรมล้านนา

นั่นก็คือวาง ผางประทีป นับพันๆ ดวง ประดับไว้ตามโครงร่างโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ของ วัดอีก้าง และ วัดหนานช้าง สองวัดขนาดใหญ่ของเวียงกุมกามซึ่งเป็นยุคทองของล้านนา ศิลปะสถาปัตยกรรมล้านนารุ่งเรืองมาก และที่วัดอีก 2 แห่งคือ วัดปู่เปี้ย และ วัดธาตุขาว ซึ่งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินไปชมได้

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน เยาวชนกับงาน 'แอ่วกุมกามยามแลง'

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ผางประทีป

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและประชาชนร่วมจุดผางประทีปที่วัดหนานช้าง

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ทีมหยอดน้ำมันพืชใส่ผางประทีป

เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรอธิบายว่า ผางประทีป เป็นภาชนะดินเผาขนาดเล็ก ภายในใส่น้ำมันหรือขี้ผึ้งเพื่อจุดให้แสงสว่าง มีลักษณะคล้าย ‘ตะคัน’ หรือ ตะเกียง

ภายในงานใช้ผางประทีปที่ผลิตในเชียงใหม่ทั้งหมด โดยใช้น้ำมันพืชเป็นเชื้อเพลิง พร้อมไส้ประทีปที่มีลักษณะเหมือน 'ตีนกา' ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน วัดหนานช้าง โบราณสถานเวียงกุมกาม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน วัดหนานช้างเรืองรองด้วยแสงไฟและเปลวประทีป

แสงจากผางประทีปที่เรียงตัวไปตามโครงสร้างสถาปัตยกรรม แสดงให้เห็นเค้าโครงความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของผู้สร้างศาสนสถานประจำเวียงโบราณแห่งนี้

เปลวประทีปที่วูบไหวตามสายลมดูราวช่างฟ้อนกำลังร่ายรำถวายการบูชาองค์พระธาตุเจดีย์และเวียงที่หักพังจากธรรมชาติ

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน รถม้านั่งชมเวียงกุมกาม

งาน แอ่วกุมกามยามแลง ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม อาทิ บริการ นั่งรถราง และ นั่งรถม้า เยี่ยมชมโบราณสถานสำคัญของเวียงกุมกาม อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาสมัยพญาเม็งรายที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี 

กิจกรรม ช้อป ชิม ชม กาดกุมกาม @ Night บริเวณลานกิจกรรมของ วัดอีก้าง และ วัดหนานช้าง สองวัดสำคัญของ ‘เวียงกุมกาม’ 

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน กาดกุมกาม @ Night

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน เมี่ยงคำใบชะพลู

ผู้เข้าร่วมงานสามารถเลือกซื้ออาหารและสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านจากชุมชน อาทิ ขนมลิ้นหมา เมี่ยงคำใบชะพลู ข้าวเงี้ยว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว รสมือชาวชุมชนคู่เวียงกุมกาม ของกินแต่ละอย่างขายหมดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีสินค้าหัตถกรรม เครื่องแต่งกายพื้นเมือง ให้เลือกช้อปปิ้ง และศิลปะการสักขาลายล้านนาด้วยกรรมวิธีการสักแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยล้านนาให้ได้เรียนรู้มรดกวัฒนธรรม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ศิลปะสักขาลายแบบล้านนาดั้งเดิม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน กิตติพันธ์ พานสุวรรณ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ร่วมฝากฝีมือวาดภาพสีน้ำ พระธาตุ วัดอีก้าง ในงาน ‘แอ่วกุมกามยามแลง’

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา ฉากหลังคือพระธาตุวัดอีก้าง

การจัดแสดงนิทรรศการภาพเขียนสีน้ำ ‘เวียงกุมกาม’ โดย ชมรมสล่าแต้มงาม เชียงใหม่ การออกบูธกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ การสาธิตการทำโคมล้านนา และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การฟ้อนกิงกะหร่า 

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน โขนเรื่องรามเกียรติ์ 'ทูษณ์ - ขร – ตรีเศียร – ยกรบ' ฉากหลังเป็นพระธาตุวัดอีก้าง โบราณสถานเวียงกุมกาม

พิเศษสุดกับไฮไลต์ การแสดงโขนรามเกียรติ์ ชุด ทูษณ์ - ขร – ตรีเศียร – ยกรบ โดยนาฏศิลปินจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร พร้อมทีมงานมากกว่า 100 ชีวิต จัดเต็มระบบแสงสีเสียง เครื่องแต่งกายโขนสุดวิจิตร การแต่งหน้าตัวละครพระละครนาง เครื่องประกอบฉาก แม้กระทั่งราชรถ

ที่สร้างความรู้สึกพิเศษยิ่งก็คือ เป็นการแสดงโขนใน โบราณสถาน เวียงกุมกาม ที่มีฐานะเป็นอดีตเวียงหลวงแห่งล้านนาก่อนพญาเม็งรายสร้างเวียงเชียงใหม่ โดยมีฉากหลังเป็นเจดีย์หรือพระธาตุองค์ประธานของวัดอีก้างที่มีอายุกว่า 600 ปี

ดังนั้นการแสดงโขนครั้งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็น ‘โขนในเวียง’ และเป็นครั้งแรกของการแสดงโขนในโบราณสถานภาคเหนือ

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน นางสำมนักขาเห็นพระรามสรงน้ำ

เนื้อเรื่องการแสดง โขน เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด 'ทูษณ์ - ขร – ตรีเศียร – ยกรบ' กล่าวถึง นางสำมนักขา (น้องสาวทศกัณฐ์) เห็นพระรามกำลังสรงน้ำ ก็เกิดความรักใคร่ลุ่มหลง จึงแปลงกายเป็นหญิงงามเข้าเกี้ยวพาราสีพระราม และหมายจะฆ่านางสีดา 

พระลักษมณ์เข้าขัดขวางต่อสู้ นางสำมนักขาถูกตัดมือตัดเท้าตัดจมูกตัดหูจนแหว่งวิ่น จึงหนีไปฟ้องพญาขร พญาทูษณ์ พญาตรีเศียร (สามพญายักษ์น้องชายทศกัณฐ์) ให้ยกทัพมาแก้แค้น แต่ก็ถูกพระรามพระลักษมณ์สังหาร

นางสำมนักขานี่เองที่เป็นต้นเหตุให้ทศกัณฐ์ลักนางสีดา จนเกิดมหาศึกระหว่างยักษ์และร่างอวตารของพระนารายณ์ซึ่งมีพลพรรคเป็นวานร

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน นางสำมนักขาจะเข้าทำร้ายนางสีดา

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน เตรียมเคลื่อนราชรถเข้าฉาก

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร จัดเต็มการแสดง 'โขนในเวียง'

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ส่วนหนึ่งของนาฏศิลปินสำนักการสังคีต กรมศิลปากร

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ศิลปะการขึ้นลอย

โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด ทูษณ์ - ขร – ตรีเศียร – ยกรบ มีจุดเด่นที่กระบวนท่ารบและเอกลักษณ์ในการแสดงโขน ‘การขึ้นลอย’ เป็นกระบวนท่ารำตามแบบแผนโบราณที่มีความงดงาม พร้อมทั้งการออกแบบแสง สี เสียงประกอบการแสดงด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อให้เข้ากับฉากหลังที่เป็นโบราณสถานเวียงกุมกาม 

เสริมสร้างบรรยากาศและเปิดประสบการณ์สุนทรียะให้กับนักท่องเที่ยว คนในชุมชน ซึ่งเข้าร่วมการชมโขนในเวียงกุมกามแห่งนี้

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน งาน 'แอ่วกุมกามยามแลง'

สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ร่วมกับ เทศบาลท่าวังตาล และจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน ‘แอ่วกุมกามยามแลง’ เป็นกิจกรรมนำร่องส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถานและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยามค่ำคืน (Thailand Winter Festival)

เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามของโบราณสถานในยามที่กระทบแสงไฟสาดส่อง เป็นการเพิ่มศักยภาพโบราณสถาน ต่อยอดเศรษฐกิจด้วยทุนทางวัฒนธรรม และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน พนมบุตร จันทรโชติ ให้การต้อนรับ สุรพล เกียรติไชยากร

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน สุรพล เกียรติไชยากร ร่วมจุดผางประทีปงาน 'แอ่วกุมกามยามแลง'

นาย สุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน ‘แอ่วกุมกามยามแลง’ และชมการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด ทูษณ์ - ขร – ตรีเศียร – ยกรบ ณ ลานกิจกรรมวัดอีก้าง – วัดหนานช้าง เวียงกุมกาม ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 น. โดยมีนาย พนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และข้าราชการกรมศิลปากร ให้การต้อนรับ

“กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบาย Thailand Creative Content Agency (THACCA) และ One Family One Soft P0wer (OFOS) ของรัฐบาล" นายสุรพลเริ่มต้นกล่าวในพิธีเปิดงาน

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน สุรพล เกียรติไชยากร ฟังการบรรยายเกี่ยวกับเวียงกุมกาม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน เดินชม กาดกุมกาม @ Night

"การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน ณ เวียงกุมกาม โดยกรมศิลปากร ถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวไปสู่เป้าหมาย 

อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์โบราณสถานเวียงกุมกาม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญต้นทางของประวัติศาสตร์ล้านนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดในฐานะทุนทางวัฒนธรรมที่พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวในแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

กิจกรรมทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์มากมายภายในงาน อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์งานศิลปะและงานคราฟต์จากภูมิปัญญาดั้งเดิมของล้านนา การแต่งกายชุดผ้าเมืองเข้าชมโบราณสถานยามค่ำคืน รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารพื้นถิ่นเลิศรสตามแบบฉบับของล้านนา

ยังเป็นการขับเคลื่อนนโยบาย ‘วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ’ ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสมและยั่งยืนอีกด้วย” นายสุรพล กล่าวในพิธีเปิดงาน

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน ศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม

งาน ‘แอ่วกุมกามยามแลง’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 – 21.00 น. นอกเหนือจากงานนี้แล้ว ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและศึกษา เวียงกุมกาม อดีตความรุ่งโรจน์ของล้านนาได้ที่ห้องนิทรรศการ ณ ศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.30 – 16.30 น.

พร้อมติดต่อ รถรางนำชมเวียงกุมกาม และ นั่งรถม้าชมเวียง บริการโดยชาวชุมชน ก็ได้เช่นกัน

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน รถม้าชมเวียงกุมกาม หน้าศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม

แอ่วกุมกามยามแลง โขนในเวียงกุมกาม ผางประทีปส่องความรุ่งโรจน์นครใต้ดิน รถรางนำชมเวียงกุมกาม

ติดตามข่าวการจัดแสดงแสงไฟและการแสดงโขนโดยกรมศิลปากรว่าจะหมุนเวียนไปจัดการแสดงยังโบราณสถานแห่งอื่นๆ อีกอย่างไรหรือไม่ได้ที่ เฟสบุ๊กเพจกลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร

 

ศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม