เช็คเงื่อนไขใหม่ 'เราเที่ยวด้วยกัน' เฟส 2 หลังถูกเลื่อนลงทะเบียน
ททท. ประกาศเลื่อนการลงทะเบียน "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 อีก 1 ล้านสิทธิ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมจะเปิดให้ลงทะเบียน 16 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุพบทุจริตกว่า 500 ราย ทั้งนี้มีเงื่อนไขใหม่ที่ต้องรู้ไว้ ก่อนลงทะเบียนรอบหน้า
เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) เกิดกรณี เลื่อนการลงทะเบียน "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 ที่ทาง ททท. จะให้สิทธิเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ โดยเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เหตุเพราะพบทุจริตกว่า 500 ราย แบ่งเป็นโรงแรม 312 แห่ง และร้านค้า 212 แห่ง
จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบเป็นโรงแรมขนาดเล็ก โดยทำการทุจริตกันเป็นกระบวนการ พบรูปแบบกลโกงรวม 6 รูปแบบด้วยกัน คือ
- จองห้องพักผ่านโครงการ เช็คอินแต่ไม่เข้าพัก แต่ใช้ส่วนต่างคูปองในโครงการ
- ตั้งราคาที่พักสูงเกินจริง รู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร ไม่มีการเดินทางจริง
- เปิดให้จองที่พัก แต่ไม่มีการเข้าพักจริง
- โรงแรมมีตัวตน เปิดให้จองห้องพัก แต่โรงแรมยังไม่เปิดให้บริการ
- ใช้ส่วนต่างคูปองเติมเงิน โดยร้านค้าจะใช้คูปองเต็มจำนวนบ่อยครั้ง
- กินส่วนต่างของการขายห้องเกินจำนวนที่โรงแรมมี เช่น โรงแรมมี 100 ห้องแต่เปิดขาย 300 ห้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- 'พิพัฒน์' สั่ง ททท.ประสานคลัง-กรุงไทย ตรวจสอบโกงจองโรงแรมโครงการ 'เราเที่ยวด้วยกัน'
- ดูชัดๆ 'เราเที่ยวด้วยกัน' เพิ่มเงื่อนไขรอบใหม่ คุ้มหรือไม่?
- เช็คเลย! 'เราเที่ยวด้วยกัน' ปรับเกณฑ์ใหม่ เพิ่มสิทธิ์อีกเพียบ
- อัพเดท ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ส่อง 8 เงื่อนไข เพิ่มสิทธิทั้งที่พัก-ตั๋วเครื่องบิน
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวจะใช้เวลาตรวจสอบ 1 เดือน หากพบว่ามีความผิดจะตัดสิทธิโครงการ และขึ้นบัญชีดำไม่สามารถเข้าร่วมโครงการของรัฐได้อีก นอกจากนี้จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
ส่วนการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ (เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 2) ที่แต่เดิมจะให้ลงทะเบียน 16 ธ.ค. 2563 เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธินั้น ก็จำเป็นต้องเลื่อนไปก่อนแบบไม่มีกำหนด เพื่อรอผลสรุปเกี่ยวกับการทุจริตครั้งนี้ และคาดว่าจะกำหนดวันให้ลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ได้อีกครั้ง ผ่านทาง www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
เอาเป็นว่าใครที่ยังต้องการได้สิทธิในโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 ยังไงก็จะได้ลงทะเบียนแน่นอน แต่ต้องรอติดตามว่า ททท. จะเปิดระบบให้ลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ต้องมาดูเงื่อนไขใหม่ของโครงการกันสักนิด เพราะมีการปรับเพิ่มสิทธิให้มากขึ้น ดังนี้
1. เพิ่มสิทธิใหม่ให้อีก 1 ล้านสิทธิ
ล่าสุดห้องพัก 5 ล้านคืนแรก มีผู้ใช้สิทธิจองไปครบแล้ว โดยสิทธิจองห้องพักได้หมดลงในวันที่ 11 ธ.ค. 2563 ส่วนตั๋วเครื่องบินวันนี้ (15 ธ.ค.) ยังคงเหลือ 1.58 ล้านสิทธิ ซึ่งล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประสานกับกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ทำการวิเคราะห์ธุรกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและประสานงานกับสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เพื่อหาทางป้องกันการหลอกลวงในอนาคต
2. ขยายเวลาโครงการ รอบสอง จนถึง 30 เม.ย.2564
โดยแรกเริ่มโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" มีระยะเวลาให้ใช้สิทธิถึงแค่ประมาณเดือน ต.ค. 2563 แต่ต่อมาก็มีการประกาศขยายเวลาของโครงการเพิ่ม ให้ไปสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 2564 และถัดมาอีกครั้ง ล่าสุด.. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายไปถึงวันที่ 30 เม.ย.2564
3. ใช้สิทธิได้ทุกจังหวัด รวมจังหวัดตามทะเบียนบ้านด้วย
แต่เดิมเมื่อประชาชนลงทะเบียนสำเร็จแล้ว สามารถใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว ได้เฉพาะข้ามจังหวัดเท่านั้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่เป็น เมื่อประชาชนลงทะเบียนสำเร็จแล้ว สามารถใช้สิทธิในโครงการได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ
4. เพิ่มสิทธิห้องพักอีก 1 ล้านคืน
จากเดิมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้สิทธิห้องพักไว้แค่ 5 ล้านคืน ต่อมามีการปรับเพิ่มสิทธิห้องพักอีกอีก 1 ล้านคืน รวมเป็น 6 ล้านคืน ซึ่งจำนวนห้องที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะ E-voucher แต่ไม่อุดหนุนค่าที่พัก และในจำนวน 1 ล้านสิทธิที่เพิ่มในครั้งนี้ จะใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 30 เม.ย.2564
ในส่วนของการสนับสนุนส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก รัฐบาลจะสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน
5. ให้สิทธิจำนวนห้องพักมากขึ้น
จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน ต่อ 1 สิทธิ แต่ต่อมามีการเพิ่มสิทธิให้ใหม่ คือ ประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืนต่อ 1 สิทธิ โดยเมื่อจองที่พักแล้ว ไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงภายหลังได้
6. ให้คูปอง 600-900 บาทต่อห้องต่อคืน
ถัดมาในเรื่องการสนับสนุนส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว รัฐบาลจะสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว มูลค่า 600-900 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน เมื่อ check-in โรงแรมสำเร็จ แบ่งเป็นวันจันทร์-พฤหัสบดี รับ 900 บาท และวันศุกร์-อาทิตย์ รับ 600 บาท โดยจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง หลังเวลา 17.00 น. ของวัน check-in และหมดอายุเวลา 23.59 น. ของวัน check-out (คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว ประชาชนใช้จ่ายค่าอาหารเพียง 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40%)
7. ค่าตั๋วเครื่องบิน เพิ่มเป็น 3,000 บาท
จากเดิมให้สิทธิค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อ 1 สิทธิผู้โดยสาร แต่ต่อมามีการปรับเพิ่มสิทธิใหม่ คือ สนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อ 1 สิทธิผู้โดยสาร โดยประชาชนที่ขอรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน จะต้อเป็นผู้ที่จองโรงแรมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้น (ได้ค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสารต่อ 1 ห้องที่จอง)
อีกทั้ง ตั๋วเครื่องบินนั้นจะต้องเป็นตั๋วสำหรับเดินทางไปยังจังหวัดที่กำหนดเท่านั้น ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย โดยเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป และการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวจะต้องอยู่ภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนไปก่อน ขณะจองตั๋วเครื่องบิน แล้วค่อยมากรอกข้อมูลขอคืนเงินค่าตั๋ว (40%) ในเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกันทีหลัง