'สองแคว' ไม่ใช่แค่ทางผ่าน

'สองแคว' ไม่ใช่แค่ทางผ่าน

บ่อยครั้งที่เมืองนี้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำเพียงผ่านทางหน้าต่างรถไฟหรือกระจกรถยนต์

ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่เพียงพอต่อการหยั่งถึงคุณค่าและความสวยงามที่แท้จริง

. . .

เมืองสองแคว หรือ เมืองพิษณุโลก ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำมีแม่น้ำ ‘น่าน’ ไหลผ่านกลางเมือง โดยลักษณะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แล้ว เมืองพิษณุโลกจะได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ทำให้มีอากาศค่อนข้างร้อนตลอดปี สำหรับสาวๆ ที่สนใจมาเที่ยวแนะนำให้พกครีมกันแดด SPF สูงๆ ติดตัวมากันด้วย

ความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองพิษณุโลกที่ถูกถ่ายทอดออกมาในงานสถาปัตยกรรม ดูจะยังเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่หลงเหลือให้นักเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาสิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ ความเป็นมายาวนานทำให้พิษณุโลกเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าแก่การรักษาและสืบทอดให้คนรุ่นหลังต่อไป

การที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ได้หมายความว่าพิษณุโลกจะจมอยู่กับอดีต การเดินเคียงคู่กับปัจจุบันแต่ไม่ละทิ้งอดีตน่าจะเป็นสิ่งที่พิษณุโลกทำอยู่ สังเกตได้จากในวันนี้จังหวัดพิษณุโลกไม่ได้เป็นจังหวัดที่ห่างไกลความเจริญอีกแล้ว

ปัจจุบันเมืองแห่งนี้มีความครบครันในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก การคมนาคมที่มีให้ใช้บริการทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน หนำซ้ำยังมีห้างสรรพสินค้า และโรงแรมขนาดใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ที่พร้อมรอรับทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นให้มาใช้บริการ

ในส่วนของรูปแบบการท่องเที่ยวมีให้เลือกอย่างหลากหลาย บางคนรักสบายหน่อยก็อาจใช้บริการรถรางที่จะพาเราไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้ทั่วตัวเมือง หรือบางคนชอบลุยๆ หน่อย และต้องการเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง การเดินก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้เราเข้าถึงหลายๆ สถานที่ที่รถรางเข้าไม่ถึง หรือจะใช้รูปแบบการนั่งเรือชิลๆ ก็มี แล้วแต่รสนิยมการเดินทางของแต่ละคน

บ้านแห่งความทรงจำ พิพิธภัณฑ์จ่าทวี

ว่ากันว่าถ้าจะทำความรู้จักเมืองใดเมืองหนึ่งให้ถึงราก ต้องเริ่มต้นที่ พิพิธภัณฑ์ ด้วยเหตุนี้สถานที่แรกที่ผมพาตัวเองมายืนอยู่จึงเป็นบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความทรงจำ ไม่เฉพาะแต่คนพิษณุโลก แต่ยังรวมถึงคนไทยในอดีตเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา

พิพิธภัณฑ์จ่าทวี คือแหล่งเก็บรวบรวมและจัดแสดงของเครื่องทำมาหากินของคนท้องถิ่นในอดีต เช่น เครื่องจักรสาน เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องดักสัตว์ ฯลฯ ซึ่งหาดูได้ยากมากในปัจจุบัน สิ่งของบางอย่างอาจเรียกได้ว่าสูญพันธุ์จากประเทศไทยไปหลายปีแล้วก็ว่าได้

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ถ้าได้ก้าวเข้ามาที่นี่ คงเปรียบได้กับหลุดมาในอีกโลกหนึ่ง เพราะสิ่งของบางสิ่งไม่มีให้เห็นในชีวิตประจำวันแล้ว แต่กลับกันสำหรับผู้ที่เคยมีความทรงจำร่วมกับสิ่งเหล่านี้คงรู้สึกเหมือนได้กลับไปยังโลกที่ตัวเองเคยห่างหายมานาน

ที่แห่งนี้ทำหน้าของมันได้เป็นอย่างดี ทั้งให้ความรู้แก่นักเรียนที่เข้ามาศึกษางาน และเป็นที่ที่คอยเตือนให้เห็นถึงรากเหง้าของชาวไทยที่แท้จริง ไม่ให้หลงไปกับวัฒนธรรมต่างแดน จนลืมวิถีแห่งภูมิปัญญาไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้

อาคารในการจัดแสดงสิ่งของมีทั้งหมด 4 อาคาร โดยแต่ละอาคารจะมีการจัดแสดงในรูปแบบที่แตกต่างกัน นอกจากพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงของเก่าแล้ว ยังมีตู้จัดแสดงสายพันธุ์ปลานานาชนิดของพิษณุโลกขนาดย่อมๆ วางเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม พร้อมป้ายอธิบายสายพันธุ์ปลา น่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบเรื่องเกี่ยวกับปลา

ออกจากพิพิธภัณฑ์ไม่ไกล เราจะเจอกับ โรงหล่อบูรณะไทย ซึ้งตั้งขึ้นโดย จ่าทวี (จ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์) เจ้าของเดียวกับพิพิธภัณฑ์จ่าทวี สถานที่แห่งนี้เป็นที่สร้างรายได้ สร้างอาชีพ และสร้างโอกาสให้กับคนพิษณุโลกมาไม่น้อย และเป็นแหล่งหล่อพระที่มีช่างฝีมือมือดีอยู่จำนวนมาก สำหรับใครที่สนใจในเรื่องการเช่าพระที่นี่ก็ร้านเช่าไว้บริการ

เมื่อเดินลึกเข้ามาอีกหน่อยจะได้พบ สวนนกไทยศึกษา สวนนกขนาดใหญ่ที่มีเสียงนกน้อยนกใหญ่นานาพันธุ์ประสานเสียงอยู่ตลอดเวลา ภายในเราจะได้พบกับนกพันธุ์หายากที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ เช่น นกหัวขวาน, นกเปล้าหน้าแด, นกสาลิกาเขียว, นกเงือก และอื่นๆ อีกมากมายรวมแล้วกว่า 120 ชนิด เจ้าหน้าที่บอกว่าสำหรับคนที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนกแล้ว บางคนอยู่ได้ตั้งแต่สวนเปิดยันสวนปิดเลย

ตลาดใต้ เรียนรู้หลักการตลาด(สด)

ตลาดเทศบาล1 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตลาดใต้ เป็นย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองมาแต่สมัยโบราณจวบจนยุคปัจจุบัน บริเวณตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านที่เมื่อสมัยก่อนถูกใช้เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก แต่เมื่อกาลสมัยเปลี่ยนไปความเจริญเริ่มรุกคืบเข้ามาสู่เมืองพิษณุโลก วิถีชีวิตของคนจึงต้องเปลี่ยนไปดั่งกระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศ ตลาดใต้ขยับออกจากริมน้ำกลายรูปเป็นตลาดบกโดยสมบูรณ์

นอกจากจะทำหน้าที่ในการเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนอุปสงค์อุปทานแล้ว ตลาดแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทัศนะด้วย เพราะที่นี่ถือเป็นจุดนับพบยามเช้าของชาวพิษณุโลกที่นอกจากจะมาจับจ่ายข้าวของไปประกอบอาหาร ยังพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างออกรส

บรรยากาศภายในตลาดนั้นจะมีของกินต่างๆ ให้เลือกสรรมากมาย ตั้งแต่แบบพื้นๆ ยันระดับที่เรียกได้ว่าหากินที่ไหนไม่ได้แล้ว ไม่เพียงแต่ของกินและสิ่งของที่มีอยู่มากมาย เชื้อสายชาติพันธุ์ของคนก็ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งคนไทยพื้นถิ่น คนไทยเชื้อสายจีน และแขกอิสลาม ตลาดแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันทางวัฒนธรรม ทั้งประเภทสินค้าและเชื้อชาติที่อยู่กันได้อย่างหลอมรวมและลงตัว

จุดเด่นหนึ่งของตลาดแห่งนี้อยู่ตรงชื่อแยก ซึ่งแต่ละแยกจะมีจุดขายต่างกัน เช่นเมื่อเข้าสู่ตลาด แยกแรกที่เราจะเห็นคือ ‘แยกบุญ’ แยกนี้จะมีพระมานั่งรอรับบิณฑบาต บริเวณรอบข้างจะมีสิ่งของที่ใช้ในการถวายทำบุญแก่พระสงฆ์ และมีบริการปล่อยนกปล่อยปลาอีกด้วย

แยกต่อมาถือ ‘แยกเสี่ยงโชค’ ชื่อกับความหมายก็ตรงๆ บริเวณนี้จะคึกคักเป็นพิเศษก่อนวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน แยกต่อมามีชื่อที่กินใจมากๆ นั่นคือ ‘แยกสัจธรรม’ ซึ่งมุมนี้เรียกได้ว่าเมื่อหันไปมองทางซ้ายจะเห็นแม่ค้าทำการดับทุกข์ให้ปลา ส่วนด้านขวาจะเป็นพระรอรับบิณฑบาตดับทุกข์ให้ชาวบ้าน สองมุมนี้ดับทุกข์เหมือนกันต่างกันที่พระใช้คำสอน ส่วนแม่ค้าใช้สาก...

น้ำตกสีรุ้ง สะพานพระนเรศวร

นอกจากจะทำหน้าที่เป็นเส้นทางคมนาคมแล้วสถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก ถ้าจะมีที่ใดที่สามารถรับชมความงดงามของทัศนียภาพของแม่น้ำน่านตลาดริมฝั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็คงต้องเป็นที่นี่ สะพานพระนเรศวร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางข้ามแม่น้ำระหว่างฝั่งศาลากลางจังหวัดและฝั่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร

บริเวณใต้สะพานยังถูกดัดแปลงให้กลายเป็นสวนสาธารณะตลอดริมฝั่งแม่น้ำทอดยาวไปสุดสายตา ผมลองนึกเล่นๆ ว่า ถ้าได้ไปวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ริมแม่น้ำที่สองข้างทางขนาบด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เมื่อเรานั่งพักก็จะได้ยินเสียงพระทำวัดเย็นลอยมากับสายลมเย็นจากทางวัดใหญ่(พระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร) คงจะได้บรรยากาศดีไม่น้อย

ความน่าสนใจของสะพานแห่งนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ตัวสะพานได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่ที่ปล่อยน้ำไหลลงมาจากบนสะพานลงสู่แม่น้ำ กลายเป็นน้ำตกเทียมที่สวยงาม ละอองน้ำจากน้ำตกที่พัดพามากับสายลมเย็นๆ ทำให้บริเวณใกล้เคียงมีอากาศที่เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนคลายร้อนจริงๆ

เมื่อถึงเวลาที่พระอาทิตย์กับพระจันทร์ต้องสลับเวรกันมาทำหน้าที่ ระหว่างนั้นก็ได้เวลาของม่านน้ำตกเปิดการแสดงพิเศษที่เรียกว่า "น้ำตกสายรุ้ง" สายรุ้งที่ว่าไม่ได้เกิดจากการหักเหของแสงธรรมชาติ แต่เกิดจากแสงเทียมที่มาจากหลอดไฟหลากสีที่มากระทบกับม่านน้ำตกขนาดใหญ่ จนเกิดเป็นน้ำตกสายรุ้งที่เรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

ในโอกาสสำคัญหรืองานพิธีต่างๆ บริเวณใต้สะพานแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมมากมาย บางวันถ้าโชคดีหน่อยอาจมีดนตรีสดเพราะๆ มาบรรเลงให้ฟังกันระหว่างพักผ่อน นับเป็นจุดที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง

เที่ยวตามตรอกออกตามถนน

ย่านต่อมาที่ไม่ว่าใครที่มีโอกาสเดินทางไปพิษณุโลกคงต้องหาโอกาสมาให้ได้ จะเรียกว่าเป็น Landmark ก็ไม่ผิดนัก หลายคนถึงกับบอกว่า ถ้าไม่แวะมาที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึงจังหวัดพิษณุโลก นั่นคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร

การเดินทางมานมัสการ องค์พระพุทธชินราช(หลวงพ่อใหญ่) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘วัดใหญ่’ นับเป็นจุดหมายสำคัญของนักเดินทาง ด้วยความสวยงามของพระพุทธลักษณะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นองค์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย บวกกับสถานที่ตั้งริมฝั่งแม่น้ำน่าน ถ้ามองจากฝั่งตรงข้าม เราจะมองเห็นพระพุทธชินราชได้อย่างชัดเจนเต็มองค์

นอกจากความสวยงามขององค์พระพุทธรูปหลวงพ่อใหญ่แล้ว วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์อันยาวนานและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ท่าน จึงทำให้ย่านวัดใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพิษณุโลกดังปรากฏอยู่ในคำขวัญวรรคแรกของจังหวัด

บริเวณโดยรอบวัดมีร้านขายของที่ระลึกตั้งเรียงรายอยู่มากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของฝากของที่ะลึกอย่างจุใจ สำหรับผู้ที่นิยมพระเครื่อง ที่นี่มีแผงพระจำนวนมากตั้งกลุ่มอยู่ด้านในสุดของลานจอดรถ สำหรับคนที่กังวลว่ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้แล้วกลัวรองเท้าคู่เก่งของคุณจะถูกขโมย สบายใจได้เลย อิ่มทั้งบุญและอิ่มทั้งใจ เพราะไม่ต้องมาระวังว่าจะมีใครมาหยิบรองเท้าของคุณไป วัดนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ง่ายมากๆ ด้วยการใช้ตู้เก็บที่มาพร้อมกุญแจล็อคอย่างแน่นหนา ทำเช่นนี้ก็หมดปัญหากังวลใจเรื่องโจรขโมยรองเท้าแล้ว

นอกจากวัดใหญ่ ย่านนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมและสักการะ อาทิเช่น วัดนางพญา วัดราชบูรณะ และวัดใหม่อภัยทาราม แต่ถ้ารู้สึกหิวขึ้นมาระหว่างการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แนะนำร้านก๊วยเตี๋ยวชื่อดัง 'ก๊วยเตี๋ยวห้อยขาริมน่าน' ร้านนี้ทั้งนักท่องเที่ยว นักแสดง และรายการทีวีหลายรายการต่างยกนิ้วให้ บอกว่า "อร่อยที่สุดในพิษณุโลก"

ร้านนี้มีก๋วยเตี๋ยวทุกอย่างตามรายการอาหารทั่วไป แต่จะต่างกันตรงสูตรที่ใช้ในการทำ ส่วนเหตุผลที่ดูจะถูกปากคนกรุงเทพเป็นพิเศษ น่าจะเป็นเพราะมีรสชาติติดหวานถูกปากคนกรุง รายการอาหารแนะนำ เช่น เส้นเล็กแห้งยำ บะหมี่โบราณแห้งหมู บะหมี่โบราณน้ำตก เส้นเล็กต้มยำ ผัดไทยกุ้งสด และตบท้ายด้วยของหวานอื่นๆ อีกมากมาย ผมกินมาครบแล้วคอนเฟิร์มว่าอร่อยทุกรายการครับ

ถึงตอนนี้ความรู้สึกว่าพิษณุโลกเป็นแค่ทางผ่านไม่มีในหัวผมแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่จังหวัดพิษณุโลกเท่านั้น แต่กับจังหวัดที่ถูกเรียกเป็นทางผ่านอื่นๆ ผมเชื่อว่าทุกเมืองมีเสน่ห์ของตัวเอง แต่การจะเข้าถึงเสน่ห์ของแต่ละเมืองนั้น ไม่ใช่เพียงไปชมแค่สถานที่สำคัญๆ ไม่กี่จุดแล้วเดินทางกลับ

สำหรับผมเสน่ห์ที่แท้จริงของการเดินทางอยู่ระหว่างการไปสู่จุดหมายและสิ้นสุดที่ปลายทาง

----------------

การเดินทาง

ถ้าขับรถยนต์ไปเอง จากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงวังน้อยแล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วใช้เส้นทางสาย 117 ตรงสู่พิษณุโลก รวมระยะทาง 377 กม. เป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด

หรือจากสิงห์บุรี ใช้เส้นทางสายอินทร์บุรี- ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จนถึงทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ที่เขตอำเภอวังทอง เลี้ยวซ้ายไป อีก 17 กม. เข้าสู่พิษณุโลกก็ได้ เส้นทางนี้จากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 450 กม.

หากเดินทางจากจังหวัดตาก ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านสุโขทัย เข้าพิษณุโลก ระยะทาง 138 กม. และทางสายเดียวกันจากขอนแก่น 391 กม. จากแยกเพชรบูรณ์-หล่มสัก มาพิษณุโลกระยะทางประมาณ 100 กม. เส้นทางนี้ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสองข้างทางหลายแห่ง