Ikigai ศิลปะแห่งการมีชีวิตที่มีความหมายฉบับคนญี่ปุ่น

Ikigai ศิลปะแห่งการมีชีวิตที่มีความหมายฉบับคนญี่ปุ่น

อิคิไก คือศิลปะแห่งการมีชีวิตอย่างมีคุณค่า แนวคิดที่คนญี่ปุ่นใช้สร้างแรงบันดาลใจในการตื่นมาแต่ละวัน และถูกเชื่อมโยงกับการมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว

KEY

POINTS

  • อิคิไก คือปรัชญาการใช้ชีวิตของญี่ปุ่นที่หมายถึง "เหตุผลของการมีชีวิตอยู่" หรือ "เหตุผลที่ทำให้เราอยากตื่นนอนในตอนเช้า" ซึ่งเป็นเคล็ดลับการมีอายุยืนยาวของผู้คนในโอกินาว่า
  • การค้นหาอิคิไกเกิดจากการหาจุดร่วมของ 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ สิ่งที่รัก, สิ่งที่ถนัด, สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่สามารถสร้างรายได้
  • งานวิจัยชี้ว่าการมีเป้าหมายในชีวิตหรืออิคิไกสัมพันธ์โดยตรงกับการมีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้า และทำให้อายุยืนยาวขึ้น

หากลองมองไปที่ หมู่บ้านโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งใน “Blue Zones” หรือพื้นที่ที่มีคนอายุเกิน 100 ปีมากที่สุดในโลก เราจะพบว่า ความลับของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่สูตรอาหารลับเฉพาะ หรือการออกกำลังกายหักโหม แต่กลับซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรียบง่ายกว่านั้น

สิ่งนั้นคือ “อิคิไก” (Ikigai) หรือ “เหตุผลที่ทำให้เราอยากตื่นขึ้นมาในทุกเช้า”

ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักสวนครัว, พบปะเพื่อนบ้าน, ร้องคาราโอเกะ หรือการได้ทำงานอดิเรกที่ตัวเองรัก ทุกกิจกรรมล้วนเต็มไปด้วยความหมาย และกลายเป็นเชื้อเพลิงให้พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านไปสำรวจแนวคิดอิคิไกอย่างลึกซึ้ง ว่าทำไม “การมีเป้าหมายในชีวิต” ถึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุ เพิ่มสุขภาพที่ดี และทำให้หัวใจเบิกบาน

Ikigai ศิลปะแห่งการมีชีวิตที่มีความหมายฉบับคนญี่ปุ่น

อิคิไกคืออะไร?

อิคิไกเกิดจากการผสมผสาน 4 องค์ประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

  • สิ่งที่คุณรัก (What you love) – ความหลงใหลที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรง
  • สิ่งที่คุณเก่ง (What you’re good at) – ทักษะและความสามารถที่คุณทำได้ดี
  • สิ่งที่โลกต้องการ (What the world needs) – การมีส่วนร่วมที่ทำให้สังคมดีขึ้น
  • สิ่งที่คุณเลี้ยงชีพได้ (What you can be paid for) – อาชีพหรือวิถีที่สร้างรายได้

เมื่อทั้ง 4 ข้อนี้มารวมกัน เราจะได้ Ikigai จุดกึ่งกลางที่ทำให้เรารู้สึก “มีชีวิตชีวา” อย่างแท้จริง

จากโอกินาว่าสู่บทเรียนชีวิต

แดน บิวต์เนอร์ (Dan Buettner) นักวิจัยด้านความยืนยาวของ National Geographic ได้ศึกษาพื้นที่ที่มีผู้สูงอายุเกิน 100 ปีอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในโลก หรือที่เรียกว่า Blue Zones สิ่งที่เขาพบเหมือนกันในทุกแห่งก็คือ “ผู้คนล้วนมีเป้าหมายในชีวิต” ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เขาเล่าว่า

“ทุกคนที่ผมพบในโอกินาว่ามีอิคิไกเป็นของตัวเอง บางคนบอกว่ามันคือการดูแลสวนผัก บางคนคือการเลี้ยงหลาน หรือแม้แต่การได้ร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ๆ ทุกสัปดาห์”

มุมมองนี้สอดคล้องกับคำอธิบายของ มิชิโกะ คุมาโนะ (Michiko Kumano) นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น ที่ชี้ว่า อิคิไกไม่ใช่ความสุขชั่วคราวที่เกิดจากความบันเทิงหรือการเสพสิ่งเร้า แต่คือ “ความสุขที่ยั่งยืน” จากการอุทิศตนให้กับสิ่งที่รักและเห็นคุณค่าในชีวิต

งานวิจัยพบว่า คนที่มี “sense of purpose” หรือเป้าหมายในชีวิตชัดเจน มักมีอายุยืนกว่าคนทั่วไปเฉลี่ยถึง 7 ปี

Ikigai ศิลปะแห่งการมีชีวิตที่มีความหมายฉบับคนญี่ปุ่น

ขณะที่การสำรวจในผู้สูงอายุญี่ปุ่นก็ชี้ว่า ผู้ที่ยังทำงานอดิเรกหรือทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อใจ มีโอกาสสูงกว่าที่จะรักษาสมรรถภาพร่างกายและสมองให้อยู่ในระดับดี เมื่อเทียบกับผู้ที่ขาดเป้าหมายในชีวิต

และไม่ใช่แค่ใน Blue Zones เท่านั้น หลักฐานจากงานวิจัยหลากหลายยังสะท้อนตรงกันว่า “การมีเป้าหมาย” ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและความยืนยาวในหลายด้าน เช่น

  • สุขภาพจิต: ลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวล เติมแรงบันดาลใจให้ตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน
  • สุขภาพกาย: ผู้ที่มีเป้าหมายมักใส่ใจตัวเองมากกว่า ทั้งการออกกำลังกายและการเลือกอาหารที่สมดุล
  • ความยืดหยุ่น: เป้าหมายทำให้คนมีกำลังใจสู้และไม่ยอมแพ้ง่ายเมื่อเจออุปสรรค
  • ความสัมพันธ์ทางสังคม: การมีเป้าหมายพาเราไปเจอผู้คนที่มีค่านิยมใกล้เคียงกัน สร้างเครือข่ายที่เป็นพลังใจ

ทัศนคติเชิงบวก จะทำให้เรามองชีวิตด้วยความหมายและมุมมองที่สดใสขึ้นได้ แม้เผชิญความยากลำบาก

แล้วเราจะ “ค้นหาอิคิไก” ของตัวเองได้อย่างไร?

เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองว่า: ฉันรักอะไร? ฉันเก่งอะไร? โลกต้องการอะไรจากฉัน? ฉันจะเลี้ยงชีพจากสิ่งนั้นได้ไหม?

ลองเขียนคำตอบออกมา แล้วมองหาจุดตัดที่เชื่อมโยงกัน จากนั้นลองใช้ชีวิตแบบมีสติ ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเมื่อทำสิ่งเหล่านั้น คุณรู้สึกเต็มเปี่ยม พลังงานล้น หรือกลับรู้สึกหมดแรง และท้อแท้ ให้ค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ เพราะอิคิไกไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว แต่มันเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงชีวิต

ตัวอย่าง อิคิไกในชีวิตของผู้คน

จิโร โอโนะ (Jiro Ono) เชฟซูชิชื่อดังแห่งโตเกียว ใช้ชีวิตอุทิศให้กับการทำซูชิให้สมบูรณ์แบบ และไม่หยุดพัฒนาสูตรอาหาร แม้จะอายุกว่า 90 ปีแล้ว นี่คือตัวอย่างของการใช้ Ikigai เพื่อสร้างความหมายและความเป็นเลิศ

เจน กูดดอลล์ (Jane Goodall) นักวิทยาศาสตร์ผู้หลงใหลในลิงชิมแปนซี เธอได้เปลี่ยนความรักในสัตว์ให้กลายเป็นงานวิจัยและการอนุรักษ์

เดฟ ราสโตวิช (Dave Rastovich) เป็นนักเซิร์ฟที่อุทิศตนเพื่อปกป้องปลาโลมาและสัตว์ทะเล เป็นการเชื่อมโยงความรักในธรรมชาติของตนเองกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม

อิคิไก: ความลับญี่ปุ่นสู่ชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมสุข

อิคิไกไม่ใช่แค่เครื่องมือในการหาความสุข แต่มันคือ เส้นทางสู่การมีชีวิตที่ยืนยาว ทั้งสุขภาพกายและใจ งานวิจัยบอกว่า การมี “เหตุผลที่จะตื่นขึ้นมาในทุกเช้า” เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยยืดอายุและทำให้ชีวิตมีคุณค่า

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร ก็ไม่สายเกินไปที่จะค้นหา ‘อิคิไก’ ของตัวเอง และเปลี่ยนชีวิตให้เต็มไปด้วยความหมาย ความสุข และอายุที่ยืนยาวขึ้น

 

อ้างอิง forbes , japan.go , positivepsychology ,