อยากเป็น Super Productive? ลองฝึก 4 แนวทางนี้ การทำงาน-ชีวิต ดีขึ้นได้จริง!

อยากเป็น Super Productive? ลองฝึก 4 แนวทางนี้ การทำงาน-ชีวิต ดีขึ้นได้จริง!

คนแบบ Super Productive พวกเขาทำงานต่างจากคนอื่นอย่างไร ให้เป็นบุคคลที่มี “ประสิทธิภาพ” สูง? เปิด 4 แนวทางสร้างพฤติกรรมใหม่ให้ทำงานได้ผลลัพธ์ดีขึ้น และเข้าใกล้ “ความสำเร็จ” มากกว่าคนทั่วไป! 

KEY

POINTS

  • การมีประสิทธิผลไม่ได้เกี่ยวกับการทำอะไรมากขึ้น แต่เกี่ยวกับการทำสิ่งต่างๆ อย่างมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
  • นักจิตวิทยาองค์กร ชี้ว่า คนบางคนสามารถจัดการเวลาในแต่ละวันให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพได้มากกว่าคนทั่วไป
  • โดยมีแนวทางปฏิบัติ 4 ประการที่ทุกคนสามารถฝึกให้ตนเองมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่ 1) รวบการประชุมให้จบภายในครั้งเดียว 2) ไม่ใช้เมาส์ แต่ใช้เมนูลัดบนคีย์บอร์ดแทน 3) ปรับพฤติกรรมส่วนตัวให้ดีขึ้นเสมอ 4) อ่านแผนงานของคุณออกมาดังๆ

วัยทำงานหลายคนคงเคยได้ยินชุดคำพูดประมาณว่า “คุณมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากับบียอนเซ่ (นักร้องชื่อดังระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ)” รวมถึงนักกีฬาชื่อดัง นักธุรกิจ และผู้ที่มีผลงานโดดเด่นน่าจับตามองในวงการอื่นๆ อีกหลายคน พวกเขาทำงานอย่างไรจึงประสบความสำเร็จในชีวิต

แน่นอนว่าการจะ “ประสบความสำเร็จ” ในชีวิต มันย่อมประกอบด้วยหลายปัจจัย (ไม่ใช่แค่ทำงานหนักอย่างเดียวแล้วจะสำเร็จ) หากไม่นับปัจจัยอื่นๆ แต่โฟกัสดูเฉพาะ “พฤติกรรมและกิจวัตรส่วนตัว” ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จสูง ว่า ในแต่ละวันพวกเขาทำงานแตกต่างจากคนทั่วไปหรือไม่? และพวกเขาทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อย่างไร?

เพื่อตอบคำถามนี้ ดร.อมานธา อิมเบอร์ นักจิตวิทยาองค์กรและเป็นผู้ก่อตั้ง Inventium บริษัทที่ปรึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์ ได้เล่าผ่าน Harvard Business Review ว่า เธอได้ทำการสำรวจเชิงสัมภาษณ์บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน ร็อคสตาร์ นักดนตรี ผู้ให้ความบันเทิง ผู้ประกอบการ และผู้นำทางธุรกิจจำนวนหนึ่ง 

โดยเธอพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน แบบแผนชีวิต แนวทางปฏิบัติ และเคล็ดลับในการทำงาน เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขาทำงานได้สำเร็จและมีประสิทธิผลได้มากกว่าคนทั่วไปอย่างไร โดยได้สรุปออกมาเป็นคำแนะนำ 4 ข้อ ดังนี้ 

ไม่ประชุมพร่ำเพรื่อ รวบการประชุมมารวมกันทีเดียวให้จบ!

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอแสดงให้เห็นว่า เมื่อเรารู้ตัวว่ากำลังจะมีประชุมในอีก 1-2 ชั่วโมงข้างหน้า เราจะทำงานเสร็จน้อยลง 22% เมื่อเทียบกับตอนที่ไม่มีการประชุมเลยในวันนั้นเลย นี่แค่การประชุมแค่ 1 ครั้งต่อวัน ลองคิดดูว่าถ้ามีประชุม 2-4 ครั้งต่อวัน แปลว่าวันนั้นแทบจะไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามกำหนดได้เลย

หากพอจะสามารถคุยกับทีมหรือคุยกับหัวหน้าได้ แนะนำให้ปรับกฎเกณฑ์การประชุมในที่ทำงานใหม่ ให้เหลือการประชุมน้อยที่สุดต่อวัน หากคนส่วนใหญ่ตื่นตัวมากที่สุดในตอนเช้า พยายามจัดประชุมที่มีความต้องการมากที่สุดตั้งแต่ช่วงเช้า ประชุมทุกอย่างให้เสร็จ แล้วให้เวลาช่วงบ่ายไปจนถึงเย็นเป็นเวลาสำหรับการทำงานที่เงียบสงบ

หลีกเลี่ยงการใช้เมาส์ แต่ควรรู้จักใช้เมนูลัดบนแป้นพิมพ์แทน

การศึกษาจาก Brainscape พบว่า คนส่วนใหญ่สูญเสียงานโดยเฉลี่ย 2 วินาทีในทุกๆ 1 นาที ในการใช้เมาส์แทนเมนูลัดบนแป้นพิมพ์ หากลองเอาเวลาดังกล่าวมาคำนวณเป็นปี พบว่า เราเสียเวลาจากการใช้เมาส์ไปถึง 8 วันต่อปี! ดังนั้น ควรเรียนรู้เมนูลัดบนแป้นพิมพ์เอาไว้ก็จะมีประโยชน์อย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงานของคุณ ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งทำงานเสร็จได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

พยายามปรับพฤติกรรมส่วนตัวให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน นำไปสู่นิสัยการทำงานที่ดีขึ้นเช่นกัน

หากคุณกำลังพยายามสร้างนิสัยการทำงานที่ดีขึ้น แมตต์ มัลเลนเวก ผู้ร่วมก่อตั้ง WordPress และ Automattic บอกว่า การแฮ็กพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง จะสามารถนำไปสู่ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตได้ 

โดยให้เริ่มจากพิจารณาว่าคุณต้องการเปลี่ยนนิสัยอะไร และคิดว่าคุณจะปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว เพื่อให้เอื้อต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ได้ง่ายขึ้น เช่น 

- หากต้องการอ่านหนังสือมากขึ้น ให้วางหนังสือไว้ใกล้เตียงนอน ก็จะทำให้เราอยากอ่านหนังสือมากขึ้นในแต่ละวัน 

- หากอยากเลิกนอนดึก ให้ปิดมือถือหรือวางมันไว้ไกลๆ จากที่นอน ก็จะทำให้เข้านอนได้เร็วขึ้นและตื่นนอนเช้าขึ้น

- หากต้องการงดอาหารขยะ ให้ซ่อนขนมหวานเอาไว้ แล้วให้วางจานผลไม้ไว้ใกล้ๆ ตัวแทน เพื่อที่ทุกครั้งที่คุณรู้สึกหิวหรืออยากกินอะไรสักอย่าง คุณจะเห็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพก่อนเสมอ 

เขียนแผนงานที่ต้องทำ แล้วอ่านมันออกมาดังๆ 

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตามเราทุกคนล้วนเป็นนักเขียน ความสำเร็จของเราในการทำงานในทุกๆ วัน นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถสื่อสารความคิดของเราอกมาได้ดีเพียงใด เช่น การจะทำงานโปรเจกต์หนึ่งให้สำเร็จได้นั้น มันจะต้องถูกกำหนดโดยวิธีการและแผนการ เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จตามเป้า บวกกับต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจนและแม่นยำ หากทำได้ทั้งหมดตามนี้ ก็จะมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

มีเคสตัวอย่างจาก แดน พิงค์ นักเขียนขายดีที่สุดของ New York Times เขาแชร์วิธีวางแผนการทำงานของเขาไว้ว่า เกือบทุกสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญของแผนงาน เขาจะเขียนลงบนกระดาษ และอ่านออกเสียง เพราะเขามองว่ามันเป็นการฟังตัวเองเพื่อรีเช็กอีกครั้งว่าสิ่งนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ แม้ว่าจะใช้เวลานานและลำบาก แต่กระบวนการนี้ช่วยให้เขาสร้างสรรค์งานเขียนได้ดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ดร.อมานธา สรุปทิ้งท้ายว่า การมีประสิทธิผลไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานให้เยอะขึ้นหรือมากขึ้น แต่เกี่ยวกับการทำสิ่งต่างๆ อย่างมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมในขณะที่ทำงานเท่าเดิม วัยทำงานควรเริ่มฝึกตนเองตั้งแต่ตอนนี้ ลองลงทุนเวลากับกลยุทธ์ง่ายๆ ข้างต้น และทำการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากวันทำงานของคุณ