สุดมัน! “The Boyz” ปิดฉากเวิลด์ทัวร์ในไทย ก่อนคัมแบ็กยิ่งใหญ่ เดือน ส.ค.

ทันทีที่อินโทรของเพลง “Maverick” ซิงเกิ้ลล่าสุดของ “The Boyz” (เดอะ บอยซ์) วงบอยแบนด์แถวหน้าของเกาหลีดังขึ้น เสียงกรี๊ดของ “เดอะ บี” ชื่อเรียกแฟนคลับของ The Boyz ดังกระหึ่มไปทั่ว ธันเดอร์ โดม เมืองทองธานี เป็นการต้อนรับ 10 หนุ่มอย่างได้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง จัดการแสดงโชว์ที่ครบทุกรสชาติตลอดเวลากว่า 2 ชั่วโมงกว่า ให้สมกับที่เดอะ บีชาวไทยรอคอยที่จะพบกับศิลปินคนโปรดมากกว่า 3 ปี

สมาชิกของ The Boyz นั้นประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งสิ้น 11 คน คือ ซังยอน (Sangyeon), เจคอบ (Jacob), ยองฮุน (Younghoon), ฮยอนแจ (Hyunjae), จูยอน (Juyeon), เควิน (Kevin), นิว (New), คิว (Q), จูฮักนยอน (Ju Haknyeon), ซอนอู (Sunoo) และ เอริค (Eric)

--(สมาชิกวง The Boyz จากซ้ายไปขวา) เอริค, เควิน, ซอนอู, นิว, จูยอน, ยองฮุน, ฮยอนแจ, คิว, จูฮักนยอน, นิว และ เจคอบ--

 

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ เอริค นั้น มีปัญหาด้านสุขภาพก่อนที่จะเริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ ทำให้เอริคไม่สามารถร่วมมาแสดงคอนเสิร์ตได้

สำหรับ The Boyz นั้น ถือว่าเป็นบอยแบนด์ในยุคเจน 4 เดบิวต์ในปี 2560 เดิมทีนั้นมีสมาชิก 12 คน โดยสมาชิกอีกคนคือ ฮวัล (Hwall) แต่ได้ยุติการทำกิจกรรมในฐานะสมาชิกของ The Boyz เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพในปี 2562 ทำให้ The Boyz มีสมาชิก 11 คนนับตั้งแต่นั้นมา

The Boyz เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของวงการได้จากเข้าร่วมแข่งขันและเป็นผู้ชนะในรายการ “Road to Kingdom” รายการเซอร์ไววัลที่เอาบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วมาแข่งขันกันเพื่อหาผู้ชนะไปแข่งขันต่อใน “Kingdom” ซึ่งแต่ละโชว์นั้นได้แสดงศักยภาพของสมาชิกแต่ละคนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การเต้น การแสดงสุดอลังการและยังคงเป็นที่พูดถึงอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตาอย่างที่หลายคนเคยสบประมาทไว้

หลังจากที่เป็นผู้ชนะในรายการ Road to Kingdom ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญของชาวเกาหลี สามารถทำยอดขายอัลบั้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอัลบั้มจาก “Reveal” (2563) อัลบั้มก่อนออกรายการทำยอดขายได้ราว 148,000 ชุด กลายเป็น 411,451 จากอัลบั้ม “Chase” (2563) และในปีที่แล้วได้ปล่อย มินิอัลบั้มชุดที่ 6 “Thrill-ing” และ ซิงเกิ้ลอัลบั้ม “Maverick”  สามารถทำยอดขายทะลุ 600,000 ชุด ได้ทั้ง 2 ชุด ทำให้ The Boyz กลายเป็นบอยแบนด์เจน 4 วงแรกที่สามารถคว้าถ้วยรางวัลจากรายการเพลงใหญ่ของเกาหลีทั้ง 6 รายการมาครองได้สำเร็จ (The Show, Show Champion, M Countdown, Music Bank, Show! Music Core และ Inkigayo)

 

สำหรับ เพลงที่ The Boyz เลือกนำมาแสดงนั้น มีทั้งที่เป็นเพลงฮิตของวงชนิดที่ขาดไม่ได้เลยอย่าง Maverick, The Stealer, Whiplash, Reveal, No Air และ Thrill Ride ที่ทำให้ผู้ชมกรี๊ดและร้องตามกันได้ทุกคน นอกจากนี้ยังมีเพลงช้าซึ้ง ๆ ความหมายกินใจไม่ว่าจะเป็น Merry Bad Ending, 36.5° (Melting Heart), Lucid Dream และ Day Dream

ขณะที่เพลงโชว์ความสามารถในการเพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเท่ก็มีให้ชมแบบจุใจ ทั้ง Checkmate, Shake You Down, Hypnotized, Nightmares ส่วนเพลงน่ารัก สดใส ชวนให้แฟนคลับได้เต้นตามก็มีไม่น้อย อาทิ Dancing Till We Drop, Break Your Rules, Boy, และ D.D.D.

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน The Boyz ก็ได้โชว์ความสามารถของพวกเขาอย่างเต็มที่ ทั้งท่าเต้นที่แข็งแรง ความพร้อมเพรียงในการเต้นที่แสดงให้เห็นถึงการซ้อมมาอย่างหนัก จนได้รับรางวัล  Golden Disc Awards ในสาขาการแสดงยอดเยี่ยม (Best Performance) ครั้งล่าสุด

แม้ว่าจะเต้นหนัก มีการแสดงสุดเท่ จนเรียกเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากผู้ชมได้ในทุกเพลง แต่เสียงร้องของพวกเขาก็ยังแรงดีไม่มีตก ยังสามารถขึ้นไฮโน้ต แอดลิบ และประสานเสียงกันได้แทบไร้ที่ติ ไม่แตกต่างจากเปิดซีดีฟัง โดยเฉพาะในเพลงช้าที่โชว์พลังเสียงอย่าง Merry Bad Ending Hypnotized และ Nightmares 

ส่วนการเอ็นเตอร์เทนก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน หนุ่ม ๆ ต่างเตรียมประโยคภาษาไทยน่ารัก ๆ มาพูดเอาใจแฟนคลับชาวไทย และเรียกเสียงกรี๊ดได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น “เดอะ บี ชาวไทยสวยจัง” “แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่ไม่หายไปไหนนะ” “ถ้าไม่มีที่ยืน มานั่งข้างเราได้นะ” เป็นต้น นอกจากนี้ยังตั้งชื่อเรียกเดอะบีชาวไทยว่า “แทบี๋” อีกด้วย ซึ่งมาจากการรวมคำว่า “แท” จาก แทกุก (태국) ที่แปลว่า “ไทย” และ “เบบี๋” ที่คนไทยนิยมใช้เรียกคนรัก

ในเวลาที่แสดงโชว์เพลงสดใส ที่ไม่ได้มีท่าเต้นบังคับ เหล่า The Boyz ทั้ง 10 คน ก็เดินมาที่ปลายเวทีเพื่อพูดคุยกับแทบี๋อย่างเป็นกันเอง ยิ่งสร้างความเอ็นดูและปลื้มใจให้แฟน ๆ ยิ่งกว่าเดิม รวมถึงในตอนท้ายยังมีเซอร์ไพรส์ด้วยการโยนลูกบอลจำนวน 200 ลูก พร้อมลายเซ็นของหนุ่ม ๆ ให้แก่ผู้ชมอีกด้วย 

ขณะที่ฝั่งแฟนคลับไทยก็ไม่น้อยหน้า ทำโปรเจคพิเศษ เพื่อตอบแทนสำหรับโชว์ดี ๆ และแสดงถึงความรักที่มีต่อหนุ่ม ๆ ด้วยการเปิดแฟลชตลอดการแสดงเพลง “36.5° (Melting Heart)” สร้างบรรยากาศเสมือน The Boyz ร้องเพลงอยู่ท่ามกลางแสดงดาว นอกจากนี้ ในเพลง “Daydream” แทบี๋ทุกคนต่างชูป้ายที่มีข้อความว่าเป็นภาษาไทยว่า “มีความสุขไปนาน ๆ เลยนะ เดอะบอยซ์!” ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ทั้ง 10 หนุ่มเป็นอย่างมาก

ก่อนจะจากกันไป The Boyz ได้ให้สัญญาจะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยพร้อมกับเอริคอีกครั้งแน่นอน พร้อมกับอ้อนแทบี๋ให้สนับสนุนและติดตามการคัมแบ็กครั้งใหม่ในเดือนหน้าอีกด้วย จากนั้นได้แสดงเพลง “B.O.Y. (Bet On You)” เพลงที่มีความหมายสุดน่ารักเป็นเพลงสุดท้าย โดยสมาชิกแต่ละคนได้หยิบตุ๊กตา ช่อดอกไม้ เครื่องประดับต่าง ๆ ที่แทบี๋โยนขึ้นไปบนเวทีมาสวมใส่อีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์น่ารักที่น่าจดจำระหว่างศิลปินและแฟนคลับ

ศิลปินกับแฟนคลับจึงเป็นสิ่งที่ขาดกันไปไม่ได้ แฟนคลับได้รับความสุข ความสนุก และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ขณะเดียวกัน หากไม่มีแฟนคลับคอยสนับสนุน มอบความรักให้กับศิลปิน ศิลปินก็คงมาไม่ถึงจุดนี้ 

ดังที่สมาชิก The Boyz ทุกคนกล่าวเสมอว่า แม้ว่าพวกเขาจะต้องซ้อมหนัก ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ความรักและความสุขของแฟนคลับนั้นส่งมอบพลังที่ดีทำให้พวกเขาอยากที่จะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดให้สมกับการรอคอย ซึ่งแน่นอนว่าแทบี๋เองก็ได้รับพลังงานเช่นนั้นจาก The Boyz เช่นกัน ดังนั้นพลังงานบวกระหว่างศิลปินและแฟนคลับจึงเป็นสิ่งที่เกื้อกูลกันและมันยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป ดังเช่นเนื้อเพลง B.O.Y. (Bet On You) ที่ร้องว่า

 

너 하나만 담아내 내 모든 기억에  

(มีแต่คุณเท่านั้นที่อยู่ในความทรงจำของผม)

 그렇게 점점 더 서로에 물들어갔지  

(เราต่างแต่งแต้มความทรงจำดี ๆ ให้กันและกัน)