อิ่มเอม(กาย-ใจ) ที่ Eat Me

หลีกหนีความจอแจของเมืองกรุง ไปนั่งชิลกับบรรยากาศแบบแกลอรี่ ชิมอาหารและเครื่องดื่มถูกใจ ที่อีทมี ในซอยพิพัฒน์ 2

  16.

หลีกหนีจากความวุ่นวายบนถนนสีลม ซอยคอนแวนต์  เลี้ยวขวาเข้าซอยพิพัฒน์ เพียงไม่กี่ก้าว เราก็ได้พบกับร้านอาหารสไตล์เก๋บรรยากาศดี เขียวชะอุ่มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ร้านนี้มีชื่อว่า อีทมี ( Eat Me )ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าขายอาหารแน่นอน ภายในร้านเปิดแอร์คอนดิชั่นเย็นฉ่ำ ประดับประดาด้วยแจกันดอกไม้สด หอมกรุ่นกลิ่นดอกลิลลี่ ภายใต้แสงเทียน ดูอบอุ่น และโรแมนติคเป็นยิ่งนัก

17.

            ห้องอาหารอีท มี อยู่ในตัวอาคารทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ออกแบบตกแต่งโดยดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน เคลลี่ วีทท์ลี (Kelly Wheatly) ภายในร้านตกแต่งด้วยผลงานศิลปะจาก H Gallery ให้ความรู้สึกว่ากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในแกลอรี่ก็ไม่ปาน รูปภาพเหล่านี้จำหน่ายจริง และจะเปลี่ยนคอลเลคชั่นใหม่ทุกๆ 3 เดือน

15

                ทางเข้าชั้นล่าง มีลานเล็กๆด้านนอก พร้อมเก้าอี้นั่งสบายล้อมรอบด้วยต้นไม้ใบหญ้า ส่วนภายในร้านมี ค็อกเทลบาร์ และเก้าอี้อาร์มแชร์เบาะหนัง นั่งสบายสไตล์เลาจ์น  ขึ้นไปอีกชั้น(ชั้น 2) เป็นส่วนห้องรับประทานอาหาร สามารถเลือกนั่งในห้องแอร์ หรือด้านนอกบริเวณระเบียง ที่ล้อมรอบด้วยสวนสีเขียว โซนนี้มีพัดลมเพดานบริการลมเย็นตลอดเวลา ขึ้นไปอีกชั้น (ชั้น 3)แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีพื้นที่ที่แยกออกมาต่างหาก เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้ หรืองานเลี้ยงที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

9.

                ส่วนอาหารนั้นรังสรรค์โดย เชฟทิม บัทเลอร์ ชาวเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐเมน สหรัฐอเมริกา โดยกำเนิด เชฟทิมเริ่มทำงานในวงการอาหารตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี โดยเป็นพนักงานล้างจานที่ร้านอาหารอิตาเลียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในปี 2541 เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนการทำอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา แล้วมีโอกาสทำงานสั่งสมประสบการณ์ในร้านอาหารและโรงแรมมากมายใน ซานตา บาร์บาร์รา, ชิคาโก, คาร์เมล, ลอสแองเจลิส และนิวยอร์ค ก่อนจะย้ายมากรุงเทพฯ ในปลายปี 2551 เชฟทิม เคร่งครัดกับการเลือกวัตถุดิบ และใช้เวลาหลายอาทิตย์ในการสร้างเมนูแต่ละอย่างขึ้นมา โดยจะทดลองชิมจนมั่นใจที่สุด ถึงจะนำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า

                กล่าวถึงห้องอาหารอีท มี เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2541 โดยสองพี่น้อง ดาเรน และเชอร์รี ฮอยสเลอร์เป็นผู้บุกเบิก ร้านนี้ติดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants)ตั้งแต่ปี 2556 เป็นอันดับที่ 31 ของ Asia’s 50 Best Restaurantsในปี 2560 แถมยังได้รับเลือกให้อยู่ในลิสของ The Plate ของมิชลิน ไกด์บุ๊ค ที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2017 และได้รับรางวัล Best Restaurant and Bar 2018 จาก Bar Awards Bagnkok อีกด้วย

1.

                อาหารแนะนำสำหรับวันนี้ เชฟทิม ภูมิใจนำเสนอ GOLDEN OSCIETRA CAVIAR เป็นจานเรียกน้ำย่อยแสนอร่อย มีไข่เป็ดต้มยางมะตูม วางบนซอสครีมสาหร่าย และขนมปัง ตามด้วย GRILLED ABALONE + PLANKTON RICE หอยเป๋าฮื้อย่าง เสิร์ฟบนข้าวแพลงตอนรีซอตโต ท็อปปิ้งด้วยต้นหอม

4.

                จากนั้นเชฟภูมิใจนำเสนอเมนู GRILLED VEAL TONGUE ลิ้นลูกวัว black garlic aioli เสิร์ฟกับกิมจิ ท็อปปิ้งด้วยแอปเปิ้ลเขียวโรยด้วยงาดำ เป็นการนำวัตถุดิบจากยุโรปและเอเซียมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

6.

อีกหนึ่งจานหลักก็คือ TAMARIND GLAZED QUAIL  เป็นนกกระทาย่าง กับซอสมะขาม ฟัวกราส์เทอรีน วางบนขนมปัง มีพริกสดย่างและ ถั่วตัด (เคี่ยวถั่วกับน้ำตาลคาราเมล) โรยพาร์สลีย์ และ ซอสส้ม

5.

                สำหรับคนรักเนื้อ ขอแนะนำ JAPANESE OHMIWAGYU A 5 TATAKI เป็นเนื้อทาทากิ A 5 จากญี่ปุ่น เสิร์ฟมากับซอสซัฟฟอนมายองเนส พริก pardon จากสเปน และ Sweetbreads (ไขมันวัวชุบแป้งทอด)

7.

อีกเมนูเนื้อก็คือ RED CURRY OXTAIL+BONE MARROW  เชฟดีไซน์ออกมาได้อย่างเก๋ไก๋ โดยนำเนื้อที่ติดกระดูก MARROW BONE  ตุ๋นกับแกงแดงของไทย จนเนื้อกับกระดูกเปื่อยจากนั้นแยกเนื้อและไขกระดูกออกมา เสิร์ฟในกระดูกชิ้นโต สำหรับเมนูนี้แนะนำให้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมปังก็ได้ ซึ่งขนมปังร้านนี้ทำสดทุกวัน

12.  

                ในส่วนของขนมหวาน และเครื่องดื่มนั้น ขอให้ไว้ใจเชฟทิม ไม่ว่าจะเป็น STICKY DATE PUDDING hot butterscotch sauce+vanilla ice cream  ไอศกรีมวานิลลากับเค้กอินทผลัม หวานเจี๊ยบเย็นใจ 

11.

 PAVLOVA  passionfruit, banana+whipped cream ฟัฟโลว่า ท็อปปิ้งด้วยวิปครีม กล้วยหอม และ เสาวรส มีความ เปรี้ยวๆ หวาน ๆ ลงตัว

13.

  เครื่องดื่มแสนสวยนี้ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ช่วยเติมเต็มมื้ออาหารให้พิเศษยิ่งขึ้น