ฟุตบอลโลกก็มี ‘สี’

ฟุตบอลโลกก็มี ‘สี’

เปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 กับการเข้้ารหัสสีที่ไม่ได้มีแค่ในสนาม

เพลง Give it up ที่รัสเซีย อาจจะไม่ดังเท่า Waka Waka ที่แอฟริกา 2010 หรือยอดคนดูที่มอสโคว์เอย เซนต์ปีเตอร์เบิร์กเอย อาจจะไม่มากเท่าที่อเมริกา 1994 อย่างแน่นอน… แต่!

เมื่อฟุตบอลโลกมาถึงทีไร เมื่อใด ที่ไหน เวิร์ล คัพ เหมือนนิวเคลียร์ ที่บอมบ์ลงไปทุกแผ่นดินของโลก ไม่มีใครไม่ต้อนรับมหกรรมลูกหนัง 4 ปีมีครั้ง ไม่สำคัญว่าจัดขึ้นที่ไหน ขอเพียงแค่วันคิกออฟเปิดสนามมาถึง แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้าหน้าจอ

ค่ำคืนนี้ บอลโลก 2018 จะเริ่มต้นขึ้น แต่ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงแช่ง ‘วัฒนธรรมป๊อป’ อย่างหนึ่งที่เสียงดังไม่แพ้เสียงแฟนก็คือ ‘สี’ ที่ปีนี้ถูกหลายวัฒนธรรม หยิบยืม แต่งแต้ม แปดเปื้อน ไปบนสินค้ามากมายอย่างสนุกสนานและน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา คอนโด รถ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี หรือรองเท้า แม้แต่บัตรเครดิต

 

และที่แน่นอนคือ เสื้อผ้า ทั้งใส่เล่น ใส่เชียร์ หรือใส่แข่ง

IMG_6828

ศิวัช วสันตสิงห์ ผู้บริหารหนุ่มสาย‘ผึ้งงาน’ ที่สร้างเนื้อสร้างตัวอย่างน่าสนใจกับการบริหารแบรนด์ Ari จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตอนนี้ เขามองปรากฏการณ์ของเสื้อไนจีเรีย ที่หมดเกลี้ยง 3 ล้านตัวจนเป็นข่าวถึง 4 วันใน BBC ว่า เขารับรู้เกี่ยวกับดีไซน์มาราวๆ ปีกว่าก่อนหน้านี้

“คือเมื่อปีกว่าๆ ย้อนหลังไป ผมมีโอกาสได้ไปประชุมร่วมกิจกรรมเรื่องเสื้อของแบรนด์ที่ต่างประเทศ ผมเห็นดีไซน์เสื้อไนจีเรียตอนนั้น ก็ยังแปลกใจว่าทำไมเขาเอาลายฮิพฮอพ มาเล่นกับสีเขียวได้อย่างสนุก สีมันเตะตามาก และมันทำหน้าที่ไปไกลกว่าการเป็นเสื้อบอลนะ ผมว่า”

ไนจีเรีย

ศิวัช เท้าความว่า การที่ยอดขายเสื้อ 3 ล้านตัวหมดเกลี้ยงนั้น ไม่ใช่ยอดเคลม เป็นเรื่องจริงแน่นอน

“ส่วนจะผลิตใหม่อีกมั้ย ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าทำอีก ก็ไม่ใช่การตลาดซ้อนการตลาดนะครับ มันหมดจริงๆ ที่น่ามองคือ สีเขียวที่ดูดิบ สนุก และเป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวมาก แต่ภายใต้การเอาสีมาเล่นกับไนจีเรียนี้ ผมวิเคราะห์ได้แบบนี้ อย่างแรก คนที่แห่กันไปต่อแถวซื้อเสื้อไนจีเรีย อาจไม่ใช่แฟนบอล หรือคนที่เชียร์ไนจีเรียเลยก็เป็นได้ มันเป็นความลงตัวมากกว่าว่า ไนกี้ทำกับไนจีเรียซึ่งเป็นทีมที่เหมาะสมในการทำอะไรแบบนี้ สมมติว่าทำกับอเมริกาคงโดนด่า หรือทำกับอังกฤษก็ไม่น่าจะรอด เพราะอังกฤษมีแบบเฉพาะจริงจังมากในเรื่องพวกนี้”

เขาแจกแจงว่า มันคือการเจอกันพอดี ระหว่างกีฬากับแฟชั่นผ่านเสื้อผ้า “ถ้าลองสังเกตดูงานเปิดตัวเสื้อบอลระยะหลังๆ เราจะพบว่า เดี๋ยวนี้พรีเซนเตอร์หรืองานแบบนี้ ไม่ได้นำเสนอการใส่ชุดบอลออกมาเต็มรูปแบบ อย่างกับการเป็นนักบอลจริงๆ ข้างบนเป็นเสื้อบอล แต่แต่งเป็นแฟชั่น ใส่กางเกงขายาว มุมนี้ผมว่าเขาเอาสี เอาดีไซน์มาเล่น ดึง sport ไปสู่ขยายของพื้นที่ 

fashion ซึ่งผมว่ามัน success มากนะครับ คือมันพอดีกัน จนทำให้สีเขียวของไนจีเรียถูกจดจำมากในบอลโลกครั้งนี้ โดยคนที่ซื้อเสื้อพวกเขาอาจไม่รู้จักนักบอลสักคนก็ได้”

ศิวัช ค่อนข้างเชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องเป็น football หรือ fashion แต่ถ้าเอา ‘สี’ มาเล่นกับสินค้าอย่างสนุก การตลาดก็จะไปได้

คล้ายๆกับ ฉันทชาย พันธ์ฟัก ผู้บริหารอีกคนของแบรนด์ Hisense ซึ่งมีทั้งตู้เย็นลายสีแซมบ้า บราซิล กับกระทิงดุอย่าง สเปน

"ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 เราแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Hisense ULED TV U7A Series WOLRD CUP EDITION TV ซึ่งให้คุณภาพของภาพในระดับ 4K มีความคมชัดสูง รองรับ HDR10, HLG มาพร้อมเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้ได้คุณภาพของภาพที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นสีดำที่ดำสนิทมากยิ่งขึ้น การแสดงภาพเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ชัดเจน ไม่เบลอ แสดงสีสันเสมือนมองด้วยตาเปล่าอย่างแท้จริง ดีไซน์สวยงาม เพรียวบาง มีรูปลักษณ์พรีเมี่ยม มาพร้อมระบบปฏิบัติการ VIDAA U Smart TV ซึ่งพัฒนาโดยไฮเซ่นส์ที่ควบคุมความบันเทิงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ขนาด 65นิ้ว และ 55 นิ้ว เป็นทีวีที่เหมาะกับการดูฟุตบอลโลก 2018 นอกจากนี้ยังมี ตู้เย็น 1 ประตู ขนาด 5.9Q Special Edition Design ลาย Brazil และ Spain ที่วางจำหน่าย เฉพาะช่วง World Cup 2018 ที่ Tesco Lotus เท่านั้น หรืออย่างตู้เย็นที่เรามีสองดีไซน์ หลายคนก็สนใจ และรู้สึกว่ามันแปลกดี"

IMG_1538

ธนกร รติสิน ผู้ดูแลลูกค้าของ Hisense ในการไปดูบอลโลก วิเคราะห์ว่า “การเอาสี หรือเอา sport mode มาแปะลงไปในทีวี หรือตู้เย็น ถือเป็นการใช้สีถูกวาระสำคัญ อย่างแรกคือ มันชวนให้สนุก และสอง การใช้สีบราซิล เขียวเหลืองนั้น เป็นการสื่อว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งความสนุกของบอลโลก เพราะดีไซน์เหลืองเขียว ทำให้คนดูรู้สึกไปเองว่า กำลังเริงร่ากับอารมณ์แซมบ้าของบราซิล”

ฉันทชาย แจกแจงว่า แม้แต่ในทีวีก็ต้องปรับตัว “เรามี sport mode ที่รองรับความเคลื่อนไหวของกีฬาที่มีสปีดมากๆ ฉะนั้น ดูกีฬาอะไรที่อาจไม่ใช่แค่ฟุตบอล ถ้ามีความเร็วมากๆ Hisense เรามีระบบที่กลมกลืนสอดคล้องไปกับส่วนนี้”

ท่ามกลางแบรนด์สินค้าหลายๆ อย่าง Hublot น่าจะเป็นสินค้าหนึ่งที่เล่นกับสีเขียวแดงดำ กับนาฬิกาบอลโลกจากการเป็น official ได้ดีมาก

“เราไม่ให้สีบนตัวเรือนเด่นเกิน innovation ที่เป็นจุดขาย แต่ใช้สีเพื่อเรียกความสนใจเมื่อมองเข้ามา ขณะที่ตัวนวัตกรรม เรือนนี้เราทำออกมาทั้งหมด 2018 เรือนเท่านั้น และออกขายทั่วโลก” นุวัฒน์ นามแฝงของเอเยนซีที่ดูแลแบรนด์นี้ในบ้านเรา ให้สัมภาษณ์กับจุดประกาย โดยเขายืนยันว่า ประเทศไทยได้มาแค่ 10 เรือนเท่านั้น

“และระหว่างที่ผมบอกนี้ ทุกเรือนขายหมดแล้ว ไม่มีแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คิอ สีกับความฉลาดของมัน ถามว่าความฉลาดของมันคืออะไร นาฬิกา hublot รุ่น big bang นี้ จะเขย่าทุกครั้งเวลามีการยิงประตูเกิดขึ้นในทุกสนาม เพราะมันคือรุ่นเดียวกับที่กรรมการใช้ในสนาม เมื่อบวกกับสีดำแดงเชียวที่ดูขรึมแล้ว มันจึงเป็นที่ต้องการ และถือเป็นสินค้า official รุ่นหนึ่งที่ฉลาดมากในการติดตามเกม”

57721

อันที่จริง ถ้าไม่นับน้ำอัดลม ที่นำเอา ‘สีเสื้อแข่ง’ มาแต้มทาบนกระป๋องอย่างฉูดฉาดแล้ว

ในแง่สถานที่จะเห็นว่าตัวเจ้าภาพการจัดงานก็ได้ใช้ ‘สีแดง’ ในการประกาศเสียงและสารอย่างรุนแรงและชัดเจน

“เวลาคนมองรัสเซีย สีในมโนคติที่เกิดขึ้นมาทันคือสีแดง” ธนกร เสริม

“เจ้าภาพฟุตบอลโลกใช้สีแดงเป็นสีหลักมาตลอดนับตั้งแต่เข้าสู่ช่วงไฮไลท์ของเวิร์ลคัพ เขาต้องการให้คนจดจำว่า นี่คือพลัง หรือ power ที่จะทำให้โลกทั้งโลกโถมใส่ เพราะขณะที่ถ้วยสีทองของบอลโลก ฟีฟ่ายังเอาสีทองหรือ gold มาเป็นการตีความเชิงสัญญะว่า มันคือความหวังหรือ hope และใช้มาร์เก็ตติ้งนี้เล่นกับความรู้สึกของผู้คนที่มองไปยังถ้วยฟีฟ่า หรือถ้วยบอลโลก ยิ่งเมื่อสีทองหมายถึงคุณค่า มีน้ำหนักในถ้วยเวลายกขึ้น ทำให้สัมผัสถึงอะไรที่ยิ่งใหญ่”

สีทองในถ้วยบอลโลก, สีเขียวดำในเรือนนาฬิกา, สีเหลืองเขียวในตู้เย็น, สีเหลืองในรองเท้า adidas panini หรือสีเขียวป่าดิบในเสื้อไนจีเรีย… สีหรือ colour เหล่านี้ จึงมีนัยให้ตีความถึงความหมายที่ซ่อนอยู่

การเลือกสีของเสื้อผ้าอาจไม่ได้ทำให้เกิด ‘การได้เปรียบเสียเปรียบทางร่างกาย’ มากนัก แต่เชื่อมั้ยว่า ในโลกฟุตบอลของ ‘ฟุตบอลโลก’ นั้น สีที่มักชนะเสื้อทุกสีคือ ‘สีแดง’ โดยที่สีแดงยังเป็นสีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการเล่นฟุตบอล

เดฟ มัวร์ นักจิตวิทยาด้านฟุตบอลบอกว่า เพราะสีแดงให้ความรู้สึกกล้าหาญ ในธรรมชาติสัตว์ที่มีสีสดมักจะส่งกลิ่นของความก้าวร้าวและหยิ่งยโส ดังนั้นสัตว์เหล่านี้จึงไม่ต้องพรางตัวจากศัตรู การเข้ารหัสสีที่พบในผึ้งและตัวต่อช่วยอธิบายการใช้สึได้ในระดับหนึ่ง

สีที่นิยมในฟุตบอลลำดับต่อมาน่าจะเป็น ‘สีน้ำเงิน’ แม้สีน้ำเงินจะดูไม่ก้าวร้าวเท่าสีแดง แต่มันก็ยังแสดงถึงควมกล้าหาญ ความสงบนิ่ง ขณะที่ ‘สีขาว’ ของเยอรมันและอังกฤษ แสดงภาพของฮีโร่ที่ทั้งบริสุทธิ์และมีคุณธรรม ‘สีเหลือง’ เป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับเสื้อทีมเยือน ด้วยเหตุผลว่าไม่ค่อยมีทีมที่เล่นในชุดสีเหลือง ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงมีเหตุผลคาบเกี่ยวกับทีมจากบราซิล

สีที่หาเหตุผลมาอธิบายได้ยากเช่นสีที่ไม่ค่อยแรงนัก อันได้แก่ สีฟ้าอ่อน หรือที่แย่กว่านั้นคือสีเทาและสีน้ำตาลอ่อน นอกเหนือจากหน้าที่หลักของเสื้อฟุตบอลถูกกำหนดชัดเจนแล้ว (นั่นคือ การแยกทีมทั้งสองออกจากกันอย่างชัดเจน) แต่มีสีหนึ่งที่ไม่นิยม นั่นคือ ‘สีเทา’ คุณลองนึกดูสิว่ามีใครใช้สีเทาในบอลโลกบ้าง

จากสีบนเสื้อ มาถึงเรื่องแบรนด์บนเสื้อ โดยหลักๆ เสื้อทีมชาติจะห้ามการโฆษณาสินค้าบนเสื้อ แต่ธรรมเนียมนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วในหลายประเทศ สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือ เสื้อบอลยุคใหม่หรือที่เรียกกันว่า modern football jersey นั้นมักเย็บเข้าด้วยหลายชิ้นผ้า เพราะยึดหลักการใช้งานเป็นสำคัญนอกเหนือจากการเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละทีม

จากคอเสื้อแบบมีปก, คอวี, คอผูกเชือกและคอแบบติดกระดุม ต่างก็เข้ามาและจากไปแล้วกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง มีเป็นครั้งคราวที่เกิดนวัตกรรมแหวกแนวอย่างสิ้นเชิง แบบที่เกิดเมื่อเกมระหว่างฮังการีและอังกฤษในปี 1953 ซึ่งเกิดการเปรียบเทียบระหว่างเสื้อน้ำหนักเบาเป็นมันเงาสไตล์ยุโรปกับเสื้อยืดผ้าขนสัตว์น้ำหนักมาก

แต่การดีไซน์ลวดลายต่างๆ ของเสื้อนั้นจะไม่เกิดความน่าเกรงขามเลย ถ้าไม่มีสีเข้ามาช่วยส่งเสริม เพราะฉะนั้น สี ยังคงเป็นสัญญะที่แรงกว่าดีไซน์ ไม่ว่าจะอยู่บนอะไรก็ตามเดฟบอก

  IMG_6833