ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.) พุ่ง 40.48 จุด เก็งกำไร 'ส่งออก' Q2 สดใส

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.) พุ่ง 40.48 จุด เก็งกำไร 'ส่งออก' Q2 สดใส

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 ก.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,198.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.48 จุด หรือ 3.50% "นักวิเคราะห์" ชี้ เพราะนักลงทุนเริ่มเก็งกำไรกลุ่มส่งออกสดใส หลัง 'Front-loading' ลากยาว Q2/2568

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 ก.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,198.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.48 จุด หรือ 3.50% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดวัน ซึ่งทําจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,199.14 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,163.90 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 12,051.3 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.) พุ่ง 40.48 จุด เก็งกำไร 'ส่งออก' Q2 สดใส ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค.)

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. AOT ราคาปิด 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 11.03% มูลค่าซื้อขาย 6,512.8 ล้านบาท

2. DELTA ราคาปิด 132.50 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท หรือ 15.72% มูลค่าซื้อขาย 6,331.3 ล้านบาท

3. GULF ราคาปิด 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.26% มูลค่าซื้อขาย 3,814.8 ล้านบาท

4. CPALL ราคาปิด 46.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.54% มูลค่าซื้อขาย 2,629.0 ล้านบาท

5. TRUE ราคาปิด 11.00 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 2,133.1 ล้านบาท

คาดหุ้นส่งออกเด่น Q2 แนะ 3 ธีม ครึ่งปีหลัง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 ก.ค. 2568) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนมองว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ แม้ว่าผลลัพธ์ของการเจรจาจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่อัตราภาษีการค้าคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30% ซึ่งน้อยกว่าความกังวลเดิม

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาดคือแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มส่งออก ซึ่งมีโอกาสเซอร์ไพรส์ในทางบวก โดยมีข้อมูลสนับสนุนจากการขาดดุลการค้าของสหรัฐ ที่เป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐ นำเข้าสินค้าในปริมาณสูง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ของจีนและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกหลักมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง

front loading ลากยาว Q2

นายกิจพณวิเคราะห์ว่า ปรากฏการณ์ "front loading" หรือการเร่งส่งสินค้าออกไปก่อนที่จะมีการปรับอัตราภาษี มีความแข็งแกร่งและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ไตรมาสที่ 2 ยังคงมีแรงขับเคลื่อนที่ดี โดยคาดว่าการเติบโตของ GDP ปีนี้อาจมีอัพไซด์เล็กน้อย จากประมาณ 2% บวกลบ แทนที่จะอยู่ที่ 1.5% หรือต่ำกว่าอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

มองระยะสั้น ดัชนีเผชิญแนวต้าน 1,200-1,280 จุด

สำหรับทิศทางระยะสั้น นายกิจพณระบุว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1,163-1,200 จุด อาจเผชิญกับแนวต้านที่ระดับ 1,200 จุด 1,230 จุด และ 1,280 จุด ตามลำดับ ทั้งนี้ แม้ว่าแนวโน้มการเก็งกำไรจะยังคงเป็นบวก แต่นักลงทุนควรระมัดระวังในช่วงการประกาศผลประกอบการ เนื่องจากหุ้นบางตัวที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอาจมีการปรับฐานหากผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหวัง

แนะ 3 ธีมลงทุนครึ่งปีหลัง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง นายกิจพณเสนอ 3 ธีมหลัก ดังนี้

ธีมที่ 1: หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจภายนอก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ทำให้กลุ่มพลังงานและบรรจุภัณฑ์มีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะ IVL, SCG และ GPSC

ธีมที่ 2: หุ้นที่มีมูลค่าลดลงมากเกินไป รวมถึงกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ซึ่งราคาหุ้นปรับลดลงถึง 50% แต่กำไรลดลงเพียง 10-20% เท่านั้น โดยแนะนำ CPAXT, CPALL, CENTEL และ SPA

ธีมที่ 3: หุ้นที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ย เช่น RATCH, ADVANC, MTC และ KTC