100 เหตุผล : ดัชนีหุ้นไทยทำไมไม่ไปไหนในมุมมองของ AI (Gemini)

100 เหตุผล : ดัชนีหุ้นไทยทำไมไม่ไปไหนในมุมมองของ AI (Gemini)

100 เหตุผล ดัชนีหุ้นไทยด้อยกว่าที่อื่นในมุมมองของ AI (Gemini) คำตอบมีทั้งปัจจัยลบภายใน, ภายนอก, ภาวะอุตสาหกรรม, ตัวบริษัท, การจัดการ, เจ้ามือ, ความโปร่งใส, ภาษี, นโยบาย, ดอกเบี้ย, จิตวิทยา, ดินฟ้าอากาศ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทย SET Index ในภาพใหญ่รอบราว 12 ปีที่ผ่านมา ระดับดัชนีแทบจะไม่ได้ปรับขึ้นทั้งๆ ที่มีการเข้ามาระดมทุนในหุ้นรายใหม่ๆ ทุกปีอย่างต่อเนื่องที่ช่วยสนับสนุนฐานดัชนีได้

ทั้งนี้นับแต่ต้นปี 2555 จนถึงปัจจุบัน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 969.08 จุด ถึง 1852.51 จุด ซึ่งเมื่อย้อนไปดูดัชนี ณ สิ้นปี 2555 นั้น พบว่าปิดที่ 1391.39 จุด แทบไม่ได้ต่างจากปี 2567 ที่ผ่านมาแล้วกว่า 4 เดือนดัชนีอยู่ในกรอบ 1,330.24 - 1,415.28 จุดเท่านั้น ก็ยังมิได้ไปไหนไกล ในขณะที่เป็นที่ทราบกันว่า ตลาดหุ้นสำคัญๆ ในประเทศอื่นๆ ต่างผลัดกันสร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นระดับเท่าตัวหรือมากกว่า เช่น ตลาดหุ้นเวียดนาม (VN30), ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei 225), ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (S&P 500) และตลาดหุ้นแนสแด็ก (Nasdaq) เป็นต้น 

สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ไม่ร้อนแรงนั้น มีการวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ว่า ได้รับปัจจัยลบจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจ มีเงินทุนไหลออก มีสินทรัพย์เก็งกำไรอื่นเป็นทางเลือก และตลาดหุ้นไทยยังขาดความเชื่อมั่นโดยนักลงทุนรายย่อยในประเทศเองที่ซื้อขายหุ้นด้วยความถี่ลดลงภายหลังการเข้ามาของระบบโปรแกรมซื้อขายหุ้นที่เรียกว่า High Frequency Trading หรือ HTF

ทว่าในมุมเหตุผลเมื่อได้ลองสอบถามถึงสาเหตุว่าทำไมหุ้นไทยจึงไม่ปรับขึ้นผ่านระบบข้อมูลสารสนเทศสมัยใหม่ Gemini AI (เทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย Google) โดยข้อความคำถามที่ป้อนเข้าไปในระบบคือ "ขอทราบสาเหตุ 100 ข้อว่าทำไมตลาดหุ้นไทย SET Index รวมถึงหุ้นไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยปรับขึ้นหรือขึ้นได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ" 

คำตอบที่ออกมาเป็นดังนี้

ปัจจัยภายในประเทศ
1.สภาพเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า อัตราการขยายตัวของ GDP ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เติบโตน้อย นักลงทุนจึงไม่มั่นใจที่จะลงทุนในหุ้นไทย
2.โครงสร้างเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นหลัก ภาคการผลิตมีขนาดเล็ก ฐานธุรกิจไม่กระจาย
3.ปัญหาหนี้ครัวเรือน: ครัวเรือนไทยมีหนี้สินสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อ และการบริโภค
4.การเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
5.กฎระเบียบ: กฎระเบียบ และข้อจำกัดต่างๆ ของไทยยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน
6.สภาพคล่องตลาด: สภาพคล่องตลาดหุ้นไทยต่ำ ปริมาณการซื้อขายน้อย
7.นักลงทุนรายย่อย: นักลงทุนรายย่อยไทยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นน้อย
8.การกระจายความเสี่ยง: นักลงทุนไทยกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น
9.ข่าวสาร: ข่าวสารเชิงลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและบริษัทจดทะเบียน
10.แรงจูงใจในการลงทุน: แรงจูงใจในการลงทุนในหุ้นไทยยังไม่มากพอ

ปัจจัยภายนอกประเทศ
11.เศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทยเติบโตช้า
12.สงคราม: สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
13.นโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดเงิน
14.ค่าเงินบาท: ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
15.ราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวน
16.ความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ: ภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง ส่งผลต่อเศรษฐกิจ
17.โรคระบาด: โรคระบาด เช่น โควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้น
18.นโยบายการเงิน และการคลังของประเทศอื่นๆ: นโยบายการเงิน และการคลังของประเทศอื่นๆ ส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดเงิน และตลาดทุนโลก
19.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียด ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
20.เทคโนโลยี: เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลต่อธุรกิจ และตลาดหุ้น

ปัจจัยด้านตลาดหุ้น
21.มูลค่าหุ้น: มูลค่าหุ้นไทยบางตัวค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน
22.ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน: ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยรวมไม่ดีนัก
23.การจ่ายเงินปันผล: บริษัทจดทะเบียนไทยมีการจ่ายเงินปันผลน้อย
24.สภาพคล่องหุ้น: สภาพคล่องหุ้นบางตัวต่ำ
25.นักวิเคราะห์: นักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย
26.เจ้ามือ: เจ้ามือในตลาดมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดหุ้น
27.สภาวะตลาด: สภาวะตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงแกว่งออกข้าง
28.การศึกษา: ประชาชนไทยมีความรู้ด้านการเงินและการลงทุนน้อย
29.ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน: ผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับการลงทุนในหุ้นยังมีไม่หลากหลาย
30.ช่องทางการลงทุน: ช่องทางการลงทุนในหุ้นยังมีจำกัด
31.บริการจากโบรกเกอร์: บริการจากโบรกเกอร์ยังไม่ดีพอ
32.ภาษี: ภาษีสำหรับการลงทุนในหุ้นยังสูง
33.โครงสร้างพื้นฐาน: โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่ดีพอ
34.วัฒนธรรม: วัฒนธรรมการลงทุนในหุ้นยังไม่แพร่หลาย
35.ความโปร่งใส: การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนยังไม่โปร่งใส
36.การกำกับดูแล: การกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนยังไม่เข้มงวด
37.คอร์รัปชัน: ปัญหาคอร์รัปชันยังมีอยู่
38.ความเหลื่อมล้ำ: ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และความมั่งคั่งยังสูง
39.อาชญากรรม: อาชญากรรมยังเป็นปัญหา
40.การศึกษา: คุณภาพการศึกษาของไทยยังต้องพัฒนา

ปัจจัยภายนอกประเทศ
41.การค้าโลก: การค้าโลกชะลอตัว
42.ความผันผวนของตลาดการเงินโลก: ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนสูง
43.ความเสี่ยงจากประเทศพัฒนาแล้ว: ประเทศพัฒนาแล้วมีนโยบายที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
44.ความเสี่ยงจากประเทศกำลังพัฒนา: ประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศมีความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
45.ภัยคุกคามจากไซเบอร์: ภัยคุกคามจากไซเบอร์มีความรุนแรงมากขึ้น
46.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
47.สงครามนิวเคลียร์: ความเสี่ยงจากสงครามนิวเคลียร์
48.โรคระบาด: โรคระบาดใหม่ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
49.ภัยพิบัติธรรมชาติ: ภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น
50.ปัญหาสิ่งแวดล้อม: ปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงมากขึ้น

ปัจจัยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม
51.การแข่งขัน: การแข่งขันในบางอุตสาหกรรมรุนแรง
52.เทคโนโลยี: เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อบางอุตสาหกรรม
53.กฎระเบียบ: กฎระเบียบในบางอุตสาหกรรมมีความเข้มงวด
54.ราคาวัตถุดิบ: ราคาวัตถุดิบบางชนิดผันผวน
55.ค่าเงิน: ค่าเงินบางสกุลผันผวน
56.ความต้องการของผู้บริโภค: ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง
57.สภาพอากาศ: สภาพอากาศส่งผลต่อบางอุตสาหกรรม
58.นโยบายของรัฐบาล: นโยบายของรัฐบาลส่งผลต่อบางอุตสาหกรรม
59.เหตุการณ์เฉพาะ: เหตุการณ์เฉพาะ เช่น อุบัติเหตุ ไฟไหม้ ส่งผลต่อบางอุตสาหกรรม

ปัจจัยด้านบริษัท
60.การบริหารจัดการ: การบริหารจัดการของบริษัทบางแห่งไม่ดี
61.กลยุทธ์: กลยุทธ์ของบริษัทบางแห่งไม่ดี
62.สินค้าและบริการ: สินค้า และบริการของบริษัทบางแห่งไม่ดี
63.นวัตกรรม: บริษัทบางแห่งขาดนวัตกรรมที่เพิ่มโอกาสเติบโต
64.การเงิน: สถานะการเงินของบริษัทบางแห่งไม่ดี
65.หนี้สิน: บริษัทบางแห่งมีหนี้สินสูง
66.คดีความ: บริษัทบางแห่งมีคดีความ
67.ผู้บริหาร: ผู้บริหารของบริษัทบางแห่งไม่มีความน่าเชื่อถือ
68.ความโปร่งใส: บริษัทบางแห่งมีความโปร่งใสไม่เพียงพอ
69.การกำกับดูแล: บริษัทบางแห่งมีการกำกับดูแลที่ไม่ดี
70.วัฒนธรรมองค์กร: วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทบางแห่งไม่ดี
71.ภาพลักษณ์: ภาพลักษณ์ของบริษัทบางแห่งไม่ดี
72.ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม: บริษัทบางแห่งมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
73.ความเสี่ยงด้านสังคม: บริษัทบางแห่งมีความเสี่ยงด้านสังคม
74.ความเสี่ยงด้านกำกับดูแล: บริษัทบางแห่งมีความเสี่ยงด้านกำกับดูแล

ปัจจัยด้านนักลงทุน
75.ความรู้: นักลงทุนบางคนมีความรู้ด้านการลงทุนน้อย
76.ประสบการณ์: นักลงทุนบางคนมีประสบการณ์การลงทุนน้อย
77.ข้อมูล: นักลงทุนบางคนเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้น้อย
78.เครื่องมือ: นักลงทุนบางคนมีเครื่องมือการลงทุนน้อย
79.อารมณ์: นักลงทุนบางคนตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์
80.ความเสี่ยง: นักลงทุนบางคนรับความเสี่ยงได้น้อย
81.เป้าหมาย: นักลงทุนบางคนมีเป้าหมายการลงทุนที่ไม่ชัดเจน
82.กรอบเวลา: นักลงทุนบางคนมีกรอบเวลาการลงทุนที่สั้น
83.อคติ: นักลงทุนบางคนมีอคติทางการลงทุน
84.อิทธิพลจากผู้อื่น: นักลงทุนบางคนตัดสินใจลงทุนตามผู้อื่น

ปัจจัยอื่นๆ
85.สภาพอากาศ: สภาพอากาศส่งผลต่อตลาดหุ้น
86.วันหยุด:วันหยุดส่งผลต่อตลาดหุ้น
87.เหตุการณ์ทางการเมือง: เหตุการณ์ทางการเมืองส่งผลต่อตลาดหุ้น
88.เหตุการณ์เศรษฐกิจ: เหตุการณ์เศรษฐกิจส่งผลต่อตลาดหุ้น
89.ข่าวลือ: ข่าวลือส่งผลต่อตลาดหุ้น
90.การแทรกแซงของภาครัฐ: การแทรกแซงของภาครัฐส่งผลต่อตลาดหุ้น
91.กลยุทธ์ของนักลงทุนสถาบัน: กลยุทธ์ของนักลงทุนสถาบันส่งผลต่อตลาดหุ้น
92.สภาพตลาดโดยรวม: สภาพตลาดโดยรวมส่งผลต่อตลาดหุ้น
93.ปัจจัยทางจิตวิทยา: ปัจจัยทางจิตวิทยาส่งผลต่อตลาดหุ้น
94.ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: ความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่งผลต่อตลาดหุ้น
95.สภาพคล่องของตลาด: สภาพคล่องของตลาดส่งผลต่อตลาดหุ้น
96.สภาพเศรษฐกิจมหภาค: สภาพเศรษฐกิจมหภาคส่งผลต่อตลาดหุ้น
97.นโยบายการเงิน: นโยบายการเงินส่งผลต่อตลาดหุ้น
98.นโยบายการคลัง: นโยบายการคลังส่งผลต่อตลาดหุ้น
99. อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยส่งผลต่อตลาดหุ้น
100.ค่าเงิน: ค่าเงินส่งผลต่อตลาดหุ้น

จากคำตอบที่ได้โดย AI มีหลายข้อใกล้เคียง และเนื้อความให้ความหมายซ้ำกัน อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้ยังพอเป็นแนวทางให้นำไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจลงทุนได้บ้างไม่มากก็น้อย

หมายเหตุ : แม้ระบบ AI มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูล และสร้างข้อความที่เหมือนจริงได้ แต่การประมวลผลอาจให้ข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วนเสมอไป ดังนั้นผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาด้วยตนเอง และตรวจสอบซ้ำก่อนนำข้อมูลไปใช้ต่อด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์