หุ้นน้องใหม่ TERA เปิดฟอร์มสวย เทรดวันแรกเหนือจอง 94.29%

หุ้นน้องใหม่ TERA เปิดฟอร์มสวย  เทรดวันแรกเหนือจอง 94.29%

หุ้นน้องใหม่ TERA เปิดเทรดวันแรกเหนือจองพุ่ง 94.29% หรือเพิ่มขึ้น 1.65 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 3.40 บาท จาก IPO ที่ 1.75 บาท

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 หุ้นน้องใหม่ TERA หรือ บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส ประกอบจำหน่ายอุปกรณ์ด้านไอที และให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร เปิดเทรดวันแรกเหนือจองพุ่ง 94.29% หรือเพิ่มขึ้น 1.65 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 3.40 บาท จาก IPO ที่ 1.75 บาท

หุ้นน้องใหม่ TERA เปิดฟอร์มสวย  เทรดวันแรกเหนือจอง 94.29%

สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน TERA ระบุว่า บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส มีความพร้อมในการยกระดับความเป็นหนึ่งใน IT Solution Provider ที่นำเสนอโซลูชั่นไอทีที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้นำเงินจากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนในพัฒนาระบบ Cloud ต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณการให้บริการต่อลูกค้า และด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมั่นคง 

โดย บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส ประกอบกิจการเป็นผู้ให้บริการด้านระบบคลาวด์ จัดจำหน่ายและให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ให้บริการแอปพลิเคชั่น ด้าน Logistics รวมถึงการลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่ให้บริการด้านซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นทางธุรกิจต่างๆ โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ

1. กลุ่มธุรกิจบริการระบบเก็บข้อมูลและประมวลผลระบบสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และบริการในรูปแบบสมาชิกแบบต่อเนื่อง (Cloud & Recurring Services) 2. กลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (On-Premise Hardware & Cyber Security) 
3. กลุ่มธุรกิจระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการ การขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ (Transportation Management System:TMS) ภายใต้ตราสินค้า “Skyfrog” และ 4. กลุ่มธุรกิจการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)
 

โดย บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส ประกอบกิจการเป็นผู้ให้บริการด้านระบบคลาวด์ จัดจำหน่ายและให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ให้บริการแอปพลิเคชั่น ด้าน Logistics รวมถึงการลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่ให้บริการด้านซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นทางธุรกิจต่างๆ โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ

1. กลุ่มธุรกิจบริการระบบเก็บข้อมูลและประมวลผลระบบสารสนเทศบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และบริการในรูปแบบสมาชิกแบบต่อเนื่อง (Cloud & Recurring Services)

2. กลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (On-Premise Hardware & Cyber Security) 

3. กลุ่มธุรกิจระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการ การขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ (Transportation Management System:TMS) ภายใต้ตราสินค้า “Skyfrog” และ 4. กลุ่มธุรกิจการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)

สุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เทอร์ราไบท์ พลัส (TERA) เปิดเผยว่า พื้นฐานธุรกิจบริษัทฯ มีรายได้จาก 2 ธุรกิจในสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายไอที ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการให้บริการเช่าใช้ซอฟต์แวร์ โดยเป็นพันธมิตรกับเจ้าของเทคโนโลยีระดับโลก (Certified Partner) หลายราย อาทิ HPE, DELL Technologies, IBM, Microsoft, AWS, VMware, Veeam และธุรกิจให้บริการ ตั้งแต่การติดตั้งระบบ บำรุงรักษา การให้บริการซอฟท์แวร์ โดยเฉพาะการให้บริการระบบ Cloud แบรนด์ตัวเอง T.Cloud และซอฟต์แวร์ระบบขนส่งกระจายสินค้า Skyfrog ที่พัฒนาขึ้นมาเอง และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เป็นหัวใจในการสร้างรายได้ประจำในสัดส่วนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการมีระบบและแอปพลิเคชั่นเป็นของตนเอง ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องของราคา และคุณภาพด้านการให้บริการ

โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนระบบ Cloud เพื่อเพิ่มปริมาณการให้บริการ T.Cloud แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้ Local Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อผลักดันการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน 

บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยประสบการณ์กว่า 19 ปี เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับคู่ค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน มีทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ มีการให้บริการที่ดี ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในระบบ Cloud ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ 
 
TERA มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ NEX ถือหุ้น 31.88% นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ถือหุ้น 8.61% และ นายจิราวัฒน์ จารุฐิติพันธุ์ ถือหุ้น 7.86% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า TERA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) มีบริษัทที่เข้าลงทุน 100% 2 แห่งได้แก่ บริษัท คลัสเตอร์ ซิสเท็มส์ จำกัด และ บริษัท สกายฟร็อก จำกัด โดยกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง จัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านไอที และให้บริการเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร จัดจำหน่ายและให้บริการด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) บริการระบบเก็บข้อมูลและประมวลผลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบสมาชิกต่อเนื่อง (Cloud & Recurring Services) จัดจำหน่ายและให้บริการซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการการขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ (Transportation Management System: TMS) และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 

และให้บริการ รวมถึงฝึกอบรมด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) กลุ่มบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Hewlett-Packard Enterprise (HPE), DELL Technologies, IBM, Microsoft, AWS, VMware, Veeam เป็นต้น ในปี 2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายต่อการให้บริการเท่ากัน 50 : 50% โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชนขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวน 344 ล้านบาท

ทั้งนี้ TERA มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 120 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ NEX ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) ไม่เกิน 36 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 41 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทหรือบริษัทย่อย ไม่เกิน 4.5 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย รวมถึงผู้มีความสัมพันธ์ ไม่เกิน 8.5 ล้านหุ้น 

โดยเสนอขายผู้ลงทุนทุกประเภทระหว่างวันที่ 3 - 11 เมษายน 2567 ในราคาหุ้นละ 1.75 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 157.50 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 420 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 14.50 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในงวดปี 2566 ซึ่งเท่ากับ 28.96 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน มีบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ