เช็ก 10 หุ้นพื้นฐานสุดแกร่ง ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ตั้งแต่ต้นปี ราคาบวกมากสุดเฉียด 60% 

เช็ก 10 หุ้นพื้นฐานสุดแกร่ง ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ตั้งแต่ต้นปี ราคาบวกมากสุดเฉียด 60% 

เช็ก 10 หุ้นพื้นฐานสุดแกร่ง ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ TRUE ราคาบวกมากสุด ตั้งแต่ต้นปี ที่ 59.41% รองลงมา หุ้น STGT ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +38.06%

"ภาพรวมตลาดหุ้นไทย"ตั้งแต่ต้นปี 2567 ดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 ปรับตัวลดลง หากเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน โดยหลักมาจากแรงกดดันจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ยังทิศทางที่ลดการปรับประมาณการลง และการปรับลดจีดีพี 

อย่างไรก็ตาม ในหุ้นกลุ่ม SET100 กับตลาดหุ้นที่มีความผันผวนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพราะเห็นได้ว่ามีหุ้น 42 หลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งบวกขึ้นมาได้ ขณะที่ 58 หลักทรัพย์ติดลบอยู่ โดยหุ้นที่ปรับบวกขึ้นมาได้ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคของการท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อสาร  

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หุ้นในกลุ่ม SET 100 ถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยกลุ่มที่บวกจะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก และหลายตัวจะอยู่ในภาคบริการ  ในขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวลดลงส่วนใหญ่จะอยู่กลุ่ม พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก หรือแม้กระทั่งนิคมอุตสาหกรรม แม้ราคาจะปรับตัวลดลง แต่ถือว่าไม่ได้แย่ เพราะเป็นการทำกำไรในช่วงของปีที่ผ่านมา 

“ภาพรวมในหุ้น กลุ่ม SET100 ยังมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับบริษัทจดทะเบียนโดยรวม เพียงแต่ว่า ความสำคัญในปีนี้ เราจะเห็นว่า หุ้นกลุ่มที่ลงทุนได้ และให้ผลตอบแทนเป็นบวก จะเป็นหุ้นกลุ่มที่มีโมเมนตัมเชิงบวก ซึ่งโดยหลักมาจากการท่องเที่ยว และเงินบาทที่อ่อนค่า” 

โดยหุ้นที่สามารถทำผลงานเป็นบวกได้ตั้งแต่ต้นปี เป็นกลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มท่องเที่ยว เช่นหุ้น AOT และ AWC กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ราคาปรับบวกได้มาเป็นอันดับ 1 บวกไปกว่า 59%

ส่วนหุ้น AOT มีการฟื้นตัวขึ้นมา เป็นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจะเห็นผลประกอบล่าสุดกำไรตกอยู่ที่ไตรมาสละ 4,000 ล้านบาท หากคิดเป็นทั้งปีอยู่ราวประมาณ 16,000 ล้านบาท หรือกำไรอาจจะมากกว่าเท่าตัว

ขณะที่หุ้น AWC ได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว ซึ่ง AWC ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีโอกาสเข้าประมูล license ใน Entertainment Complex หรือ สถานบันเทิงครบวงจร โดย AWC มีธุรกิจอสังหาฯ ที่เข้าผสมกับออฟฟิศ และเป็นโรงแรม จึงทำให้มีศักยภาพ และฐานทุนที่น่าจะสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปของรูปแบบของการลงทุนใน Entertainment Complex แต่เชื่อว่า หากไม่ได้ติดข้อจำกัดพิเศษเป็นไปได้ว่า AWC จะเข้ามาหาโอกาสจาก Entertainment Complex ได้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังสามารถเลือกเข้าไปลงทุนได้ ก็ให้ใช้จังหวะที่ตลาดผันผวนช่วงไตรมาส 2/67 ในการที่จะเข้าไปทยอยสะสม มองว่า ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก 

วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด FSS บริษัทในเครือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ตลาดหุ้นไทย"ตั้งแต่ต้นปี 2567 เริ่มบวกได้แค่ 2 - 3 วันแรกของปีเท่านั้น เนื่องจากหุ้นไทยแรลลี่ขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่พอเปิดปี 2567 ประสบกับงบแบงก์ ไตรมาส 4/66 ที่ต่ำกว่าคาด และกำไร บล.ที่ต่ำคาด จีดีพีออกมาไม่ดี และช่วงงบประมาณยังไม่ผ่าน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สถานการณ์ปัจจัยที่มีความกดดันที่กล่าวมาข้างต้น เริ่มคลี่คลายมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงเริ่มเห็นการฟื้นตัวของดัชนีขึ้นมา

โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นมา ได้แก่ กลุ่มเกษตร เช่น หุ้น STA  รับเหมา หุ้น CK STEC สื่อสาร เป็นหุ้น TRUE และกลุ่มท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี หากมองภาพในช่วงเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว ส่วนใหญ่ฟื้นจากปัจจัยผ่านในประเทศเป็นหลัก ดังนั้น หุ้น Domestic Play จะกลับมาฟอร์ม เช่น กลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ อสังหาฯ และแบงก์ เพราะจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต  ส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในที่จะช่วยหนุนกำลังซื้อให้ดีขึ้น โดยในไตรมาส 2 หุ้นกลุ่ม Domestic Play จะเริ่มทยอยกลับมา หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 1/67 ยังไม่สดใสเท่าไรนัก รวมถึงหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวต่ำลงมามากๆ หลังจากที่มีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว จึงทำให้เป็นแรงหนุนเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มปิโตรเคมี

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้นกลุ่ม SET100 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง และมีปัจจัยพื้นฐานดี โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มี 10 หลักทรัพย์ที่สามารถทำผลงานราคาได้อย่างโดดเด่น 

1.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD 59.41%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +17.52%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +3.21%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 8.00 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 278,144.41 ล้านบาท 

2.บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +38.06%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +52.89%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +4.52%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 9.15 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 26,502.91 ล้านบาท

3.บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +26.97%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +24.86%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +7.11%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 4.46 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป  144,662.42 ล้านบาท

4.บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +23.62%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +2.50%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +0.82%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 2.46 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 31,611.00 ล้านบาท

5.บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +22.70%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +4.71%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 9.90 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 32,320.42 ล้านบาท

6.บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +20.50%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +31.97%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -0.51%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 19.40 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 29,798.40 ล้านบาท

7.บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +16.47%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน -%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -4.81%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 9.80 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 34,262.49 ล้านบาท

8.บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +15.49%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +32.26%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -0.61%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 40.00 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 38,540.00 ล้านบาท

9.บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +14.52%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน +7.04%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +1.43%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 21.20 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 41,600.05 ล้านบาท

10.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง YTD +12.55%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 120 วัน -1.82%
  • ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน +2.67%
  • ราคาปิด ณ 11 เม.ย.2567 ที่ 66.75 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 960,713.33 ล้านบาท

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์