Wellington Management เผย การเติบโตเศรษฐกิจโลก มีโอกาสเกิด soft - no landing ได้ในปีนี้

Wellington Management เผย การเติบโตเศรษฐกิจโลก มีโอกาสเกิด soft - no landing ได้ในปีนี้

Wellington Management เผยมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่า จะมีโอกาสเกิด soft landing หรือ no landing ได้ในปีนี้จากสัญญาณเชิงบวก ด้าน บลจ.อีสท์สปริงแนะจังหวะดีลงทุนหุ้นโลก

นาย Jeremy H. Butterworth, Vice President and Investment Strategist จากสถาบันการเงินการลงทุนชั้นนำระดับโลกอย่าง Wellington Management กล่าวถึงมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่า จะมีโอกาสเกิด soft landing หรือ no landing ได้ในปีนี้จากสัญญาณเชิงบวก คือ 

1.ดัชนีชี้วัดที่เป็น leading indicator เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น อัตราการใช้กำลังการผลิต, อัตราการว่างงาน, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และแนวโน้มนโยบายอัตราดอกเบี้ย 

2.ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงจากปัจจัยค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัย และค่าแรง แต่อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ 

3.การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อาจจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี สภาวะการแข่งขัน และนโยบายต่างๆ ที่ออกจากทางการ

“กลยุทธ์การลงทุนในปีนี้จึงอาจเน้นความสำคัญในการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่คุณภาพดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง รวมถึงมีความคล่องตัวในการปรับพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ เพราะจะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีท่ามกลางความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต” นาย Jeremy H. Butterworth กล่าว

ในปัจจุบันกองทุน Wellington Global Quality Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ TMBGQG ให้ความสนใจลงทุน (Overweight) ในกลุ่มประเทศสหรัฐ และยุโรปเป็นหลักเพราะเป็นบริษัทที่มีคุณภาพดี และมีรายได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยัง Overweight ใน sector กลุ่มการเงินคือ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทางเลือก เช่น ARES Management and KKR เพราะสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ รวมถึงปัจจุบันกระแสการลงทุนใน Private Asset ที่มากขึ้นจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และกลุ่มประกันเพราะสามารถปรับเพิ่มเบี้ยประกันได้จากต้นทุนที่สูงขึ้น  และ Overweight กลุ่ม healthcare เช่น Eli Lilly และ Novartis จากความคาดหวังการเติบโตจากการคิดค้นยารักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน และกลุ่ม Industrial เช่น DSV ซึ่งได้รับประโยชน์จากการขนส่งทั่วโลกที่จะมีมากขึ้น

สำหรับสัดส่วนการลงทุน 10 บริษัทแรกเรียงตามน้ำหนักการลงทุนนั้น ประกอบด้วยหุ้น “Magnificent 7” ทั้งหมด 5 ตัวได้แก่ 1. Microsoft (4.4%) 2. Amazon (3.9%), 3. Meta (3.3%) 4. Alphabet (3.2%) 5.Nvidia (2.8%) และหุ้นอื่นๆ  6.TSMC (2.3%) 7. Mastercard (2.0%) 8. Visa Inc (2.0%) 9. Salesforce Inc. (1.8%) 10. UnitedHealth Gr (1.8%) (ที่มา: Wellington Management ณ เดือนก.พ.2567)

นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ยังคงแนะนำธีมการลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลกที่มีคุณภาพ เช่น กองทุน TMBGQG  ส่งให้มีโอกาสเติบโตของเงินลงทุนจาก secular theme ต่างๆ เช่น AI, สุขภาพ, การบริโภค, นวัตกรรมการเงิน, ซัพพลายเชน ฯลฯ

นอกจากนี้กองทุนหลักยังสามารถปรับเปลี่ยนปัจจัยในการคัดเลือกหุ้นให้เหมาะกับสภาวการณ์ รวมถึงลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เช่น ในช่วงเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี กองทุนจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีการเติบโตที่ราคาไม่แพง แต่ในช่วงเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวกองทุนจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีคุณภาพ  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนน่าสนใจ โดยได้รับ Morningstar Overall Rating 5 ดาว และมี track record ยาวนานกว่า 10 ปี (ที่มา: Wellington Management ณ เดือนก.พ.2567)
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์