ห่วง DELTA | ออฟเรคคอร์ด  

ห่วง DELTA | ออฟเรคคอร์ด  

 หุ้นใหญ่ที่ยังลุ้นสตอรี่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงท้ายปีพี่ใหญ่ตลาดหุ้นไทย DELTA

๐๐๐ ห่วง DELTA 

    หุ้นใหญ่ที่ยัง ลุ้นสตอรี่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงท้ายปีพี่ใหญ่ตลาดหุ้นไทย DELTA หลังราคาหุ้นร่วงแบบผิดหูผิดตา ตามแรงปรับพอร์ตของนักลงทุน และความกังวลใจเฉพาะตัว 

     ยิ่งเข้าเดือนธ.ค. บรรดาดัชนีอ้างอิงลงทุนทยอยประกาศปรับลงทุนรอบใหม่  ดัชนี MSCI  เขย่าหุ้นไปแล้ว ถัดมารอ ลุ้น “SET50  และ SET 100” รอบใหม่ ที่จะประกาศถูกจับเป็นพิเศษว่างวดนี้ลงที่ DELTA หลุดหรือไม่ 

     อิงกับการซื้อขายพ.ย. ที่ผ่านมาเกือบไม่เข้าเกณฑ์ Turnover ratio  ไม่ถึง 2%  ถ้ารวมกับเดือนธ.ค.ด้วยยังไม่ตีตื้นขึ้นมาได้เห็นการ “โยกเงินออก” กันอีก ทั้งจาก กองทุน Index fund และ Passive  fund 

    ประเดิมปลายปี กองทุน TESG เริ่มพาเหรดให้ช้อปลงทุนลดภาษี อิงกับ  ดัชนี SETESG  หุ้น DELTA  ถูกถอดออกไปแล้ว

    โอกาสราคา “หุ้นลงหรือจะขึ้น” วัดกันละทีนี้ 

๐๐๐

      แรงกดดันตลาดหุ้นส่วนใหญ่อยู่ที่ ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจนการฟื้นตัว จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI )พ.ย. 49.4 ส่งสัญญาณเศรษฐกิจยังไม่พ้นวิกฤติ และอาจใช้นโยบายกระตุ้นเพิ่มเติม  ขณะที่เกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ย 3.5% เป็นครั้งที่ 7  และปรับลด GDP ปี 2566 ที่ 1.4 % และ ปี 2567 ที่ 2.1% 

    สวนทางกับ เศรษฐกิจสหรัฐ ประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 Q3/2566 ขยายตัว 5.2% สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ขณะที่คาด FED จะตรึงอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.50% ในการประชุมม.ค. และมี.ค.2567 ก่อนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยกลางปี

๐๐๐

    ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงขายต่อเนื่องสลับกลุ่มด้วยการ ทำกำไรเป็นหุ้นโรงไฟฟ้า หลังรับข่าว กกพ. เห็นชอบค่าไฟฟ้าเดือนม.ค. - เม.ย.2567 ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 0.70 บาทต่อหน่วย  ปรากฏหุ้นโรงไฟฟ้าหลายบริษัทหลุดคำนวณ MSCI รอบล่าสุด กดดันดัชนีมาปิดที่ 1,380.18 จุด  ลดลง 7.51 จุด เปลี่ยนแปลง 0.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย   76,179.02 ล้านบาท 

    ดัชนี MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 30 พ.ย. สำหรับ ดัชนี MSCI Global Standard Index หุ้นถูกคัดเข้า : ไม่มี  ส่วนหุ้นถูกคัดออก : BGRIM,EGCO และ  RATCH  ขณะที่ MSCI Small cap Index หุ้นถูกคัดเข้า : BGRIM,EGCO, RATCH และหุ้นถูกคัดออก : ACE, ASK,KEX, ONEE,RAM, SABUY, TTA, TFG, VIBHA

๐๐๐

    หน่วยงานกำกับ ก.ล.ต.ในยุคสุดท้าทาย ลุกขึ้นมา ปรับองค์กรครั้งใหญ่ มีผล 1 ธ.ค.66 เน้นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รองรับงานตรวจสอบ และขับเคลื่อนตลาดหุ้นมีความเชื่อมั่น  พุ่งเป้าไปที่สายงานกฎหมายให้ขึ้นตรง  “เลขาฯ ก.ล.ต.”  เพื่อ Check & Balance    

     กลุ่มที่เพิ่มสายงาน ชัดเจนมา “เน้นสร้างความมั่นใจ และเชื่อมั่นให้นักลงทุน”  ทั้งเพิ่มสายงานบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบจนดำเนินคดีรองรับปริมาณเพิ่มขึ้น เพิ่มสายงานนวัตกรรมการเงิน และเทคโนโลยีดิจิทัล   ส่วนที่ปรับสายงานไปที่ IPO ด้วยการจัดกลุ่ม บจ.และบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ระดมทุน และติดตามหลังระดมทุน แยกงานร้องเรียน "ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และแจ้งเบาะแส" โอนงานคดีปกครอง เพื่อรวมศูนย์ด้านคดี และรวมงานกำกับและตรวจสอบ IT Audit ศูนย์เดียว

๐๐๐

    เป็นไปตามคาด JAS รีดปันผลส่งท้ายก่อนที่ 3BB โอนไปเป็นของ ADVANC  ด้วยการอนุมัติปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.60 บาท รวม 5,155 ล้านบาท ขึ้น XD 14 ธ.ค.66 พร้อมปรับนโยบายปันผลจากไม่ต่ำกว่า 50% เป็นไม่น้อยกว่า 50% งานนี้ผู้ถือหุ้นได้แต่ที่เยอะสุดต้องให้ “พิชญ์ โพธารามิก” ที่ถือหุ้น 53.50 %  รับไป 2,758 ล้านบาท กลับมาครองเศรษฐีหุ้นปันผลไปได้อีก

    ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินของบริษัท กระแสเงินสด การสำรองเงินไว้เพื่อการลงทุนของบริษัท และบริษัทในเครือในแต่ละปีการสำรองเงินไว้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์