วัดฝีมือ COCOCO | ออฟเรคคอร์ด

วัดฝีมือ COCOCO     | ออฟเรคคอร์ด

ตลาดหุ้นจะซึม - วอลุ่มแผ่ว - หุ้นไม่ไปไหน ปรากฏว่ามีหุ้นไอพีโอในช่วงนี้มาสร้างกระแสทดแทนให้รายย่อยได้ “พักผ่อน”

๐๐๐  วัดฝีมือ COCOCO    

        ตลาดหุ้นจะซึม - วอลุ่มแผ่ว - หุ้นไม่ไปไหน   ปรากฏว่ามี  หุ้นไอพีโอ ในช่วงนี้มาสร้างกระแสทดแทนให้รายย่อยได้ “พักผ่อน” ไม่น้อย ยิ่งฟอร์มหุ้นไอพีโอน้องใหม่ที่พึ่งตบเท้าเข้าตลาดหุ้นไปล่าสุดไม่ทำให้ผิดหวัง 

      หุ้น COCOCO โชว์ราคาเหนือจองจนปิดตลาดไปแล้ว   ซาวด์เช็กบรรดาโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายไปไกล  ยิ่งเทียบกับราคาไอพีโอที่ 5.50 บาท P/E 22 เท่าใกล้เคียงกับกลุ่ม

     พอราคาหุ้นทะลุเกือบ 8 บาท P/E กระโดดตามเฉียด 40 เท่าไปแล้ว ถ้าจะไปต่องานนี้ “ข่าวใหญ่ - ข่าวดี”  ต้องมาตามนัดไม่งั้นรายย่อยผิดหวังทันที  เพราะเท่าที่ตรวจเช็ก “เจ้าของ” ยอมให้ “ดิสเคาท์” ราคาหุ้น 1 บาทกว่า  

     ที่เหลือต้องมา “วัดฝีมือ” ทำงานกันแล้ว ว่าที่เตรียมลงทุน เพิ่มกำลังผลิต - เพิ่มยอดขายตลาดจีน  ดันฐานใหญ่ขึ้นรักษามาร์จิ้น 25% แบบนี้ไว้ได้แค่นี้รายย่อยก็หายห่วง .. 

๐๐๐

     ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นเอเชียเริ่มคลายความกังวลหลัง สหรัฐรายงานดัชนี CPI  หรือเงินเฟ้อเดือน ส.ค. CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 3.7% และ CPI พื้นฐานขยายตัว 4.3%   ส่งผลทำให้ “เจพี มอร์แกน” บ่งชี้ความเชื่อมั่น FED จะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกประชุมล่าสุด 19-20 ก.ย.นี้

     และต้องติดตามตัวเลขเดือนก.ย.- ต.ค. ว่าจะเห็นสัญญาณอ่อนตัวลงอีกหรือไม่  หากยังไม่เห็นการปรับลงที่ชัด อาจทำให้ FED ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนพ.ย.- ธ.ค.  โดยตลาดมองความน่าจะเป็นราว 50:50 

๐๐๐

    ขณะที่ทางยุโรปการประชุม  ECB ค่อนข้างชัดเจนไปในโทนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 4.25% เป็น 4.50% และน่าจะมีการปรับลด GDP ยุโรปลงตามสถาบันการเงินระดับโลกคาดการณ์

๐๐๐

    บรรยากาศตลาดหุ้นไทยมี การรีบาวด์ในหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังมีแรงขายในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายลดค่าครองชีพ ในหุ้นกลุ่มน้ำมัน และโรงไฟฟ้า ทำให้ตลาดหุ้นไทยไร้แรงหนุน และมีวอลุ่มเบาบาง โดยตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,545.14  บาท  เพิ่มขึ้น  9.83 จุด เปลี่ยนแปลง 0.64% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  40,568.46 ล้านบาท 

๐๐๐

     ประเด็นเรื่อง “ลดน้ำมัน - ค่าไฟ” มีหลายกระแสว่ากระทบทั้งภาษีสรรพสามิต และลามไปยังค่าการตลาดหน้าปั๊มน้ำมัน  จากการประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 30 ต่อลิตรเริ่มใช้ 20 ก.ย.66 นี้ เงินส่วนต่างมาจากการลดภาษีสรรพสามิตเก็บอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตร  ส่วนค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.80 บาทบาทลิตร ซึ่งด้าน ครม. ยืนยันไม่เข้าไปยุ่งราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน!! 

      ราคาหุ้นในกลุ่มนี้จึงมีการรีบาวด์ เช่น OR   ปิด 19.70   บาท เพิ่มขึ้น 1.03 % PTG ปิด  10.00 บาท เพิ่มขึ้น  1.01%  BCP  ปิด 39.75  บาท เพิ่มขึ้น 0.63 % และ ESSO ปิดที่  9.80 บาท ลดลง 0.51 % 

๐๐๐

     สวนทางกับปรับลดค่าไฟฟ้า 0.35 บาท เป็น 4.10 บาทต่อหน่วย จะเริ่มมีรอบบิลเดือนก.ย.นี้ ลดมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.30 บาทต่อหน่วย แต่มีผลเร็วกว่าที่คาดว่าจะเริ่มงวดเดือน ม.ค. - เม.ย.2567   บล.ฟินันเซียไซรัส  คาดว่าจะส่งผลลบต่อกำไรของหุ้นโรงไฟฟ้ามากที่สุดคือ  GPSC และ  BCPG ราว 12-13% ตามด้วย BGRIM 8% และน้อยที่สุดจะเป็น GULF 1% เชื่อว่าข่าวนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นต่อราคาหุ้นกลุ่มไฟฟ้า  โดยฉพาะโรงไฟฟ้าให้เอกชน  เช่น   BGRIM และ GPSC ซึ่งกำไรจะอ่อนไหวต่อค่าFt มาก 

     อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าว ได้สะท้อนลงไปในราคาหุ้นที่ปรับตัวก่อนหน้านี้มากแล้ว และมองว่าเป็นจังหวะในการทยอยซื้อสะสม  TOP PICKคือ GPSC เนื่องจากแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว แม้ค่า FTจะปรับลงแต่แนวโน้มกำไร ปี 2567-2568 เติบโต 31-33% จาก margin ที่ดีขึ้น และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศมากขึ้น

 ๐๐๐

    สมรภูมิค้าส่งอาหารได้เดือดแน่เพราะ “เจ้าใหม่แต่รายใหญ่”   CRC เปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหาร “GO Wholesale “ เห็นเป้าหมายแล้วหนาว เพราะ 5 ปี จะมียอดขายอยู่ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท มีฐานสมาชิก 1 ล้านราย ใช้เงินลงทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาท 

     ขยายสาขาในประเทศให้ครบ 40-50 สาขาภายในปี 71 เริ่มจาก 4 สาขาในไตรมาส 4 ปี 2566 ได้แก่ ศรีนครินทร์ เชียงใหม่ พัทยา และชลบุรี พี้นที่สาขาเฉลี่ย 7,000-8,000 ตารางเมตร/สาขา ตั้งเป้าจะเปิดเฉลี่ยเดือนละ 1 สาขา ซึ่งในบางสาขาของ Go Wholesale จะมีการปรับจากสาขาของไทวัสดุ หรือ BnB home มาเป็น Go Wholesale พร้อมตั้งเป้าระยะเวลาคืนทุนต่อสาขาราว 2 ปี

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์