ซีพี ออลล์ เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 รุ่น เรตติ้ง A+ ดอกเบี้ย 3.55 - 4.40% ต่อปี

ซีพี ออลล์ เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 รุ่น เรตติ้ง A+ ดอกเบี้ย 3.55 - 4.40% ต่อปี

“ซีพี ออลล์” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 3 ชุด อายุ 5 ปี อายุ 7 ปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55 - 4.40% ต่อปี หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 ชุด ประกอบด้วย รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55-3.70% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80-3.95% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20-4.40% ต่อปี โดยจะแจ้งอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง ทั้งนี้ ช่วงที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ CPALL23OA คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2566 โดยผู้ถือหุ้นกู้ CPALL23OA สามารถจองซื้อได้ทั้ง 3 รุ่น สูงสุดรวมกันไม่เกินสิทธิของหุ้นกู้ CPALL23OA เดิมที่ถืออยู่ ผ่านธนาคารกรุงเทพ  ธนาคารกรุงไทย  และธนาคารไทยพาณิชย์ 
 

สำหรับช่วงที่ 2 สำหรับผู้ลงทุนที่เป็นประชาชนทั่วไป คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 26-27 และ 30 ตุลาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร รวมถึงมีการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวก และตอบโจทย์นักลงทุนยุคดิจิทัล อีกด้วย
 

สำหรับบริษัท และหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 ที่ระดับ A+ แนวโน้ม “บวก” (Positive) ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจ และการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท ทั้งการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย ลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมีเครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ 

ขณะเดียวกัน บริษัท ยังรุกขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือ ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ได้อย่างมีศักยภาพ โดยล่าสุด “ซีพี ออลล์” ได้เปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” สาขาแรก ใน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดียิ่ง ทั้งผู้บริโภคภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน สปป.ลาว ซึ่งเพิ่มขึ้นตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย  กระตุ้นให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคักมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์  “เซเว่น อีเลฟเว่น”  ที่ให้บริการความสะดวกกับชุมชน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัท มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,215 สาขา มีรายได้รวม 112,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ขณะที่บริษัท ยังคงเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งได้รับการตอบสนองจากลูกค้าเป็นอย่างดี สำหรับเป้าหมายการขยายสาขาในปีนี้ บริษัท วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของชุมชน โดยวางแผนจะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา และมีเป้าหมายที่จะเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาให้ครบ 100 สาขา ภายในปีนี้

“เราเชื่อว่า หุ้นกู้ ซีพี ออลล์ จะได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ถือหุ้นกู้เดิม รวมถึงผู้ลงทุนที่เป็นประชาชนทั่วไป ที่สนใจ และมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัท ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยที่ผ่านมา บริษัท ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 (2018-2023) ในกลุ่ม Food Retailers & Wholesalers และยังคงรักษามาตรฐานมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในทุกมิติ รวมถึงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (2017-2022) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2018-2022) ซึ่งจะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น” 

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์