เปิดพอร์ต 2 เพื่อนซี้ เด็กวิศวะ จุฬาฯ ดร.นิเวศน์ & ดร.ไพบูลย์ รวมกัน 5 พันล้าน

เปิดพอร์ต 2 เพื่อนซี้ เด็กวิศวะ จุฬาฯ ดร.นิเวศน์ & ดร.ไพบูลย์ รวมกัน 5 พันล้าน

2 เพื่อนซี้นักลงทุนสาย วีไอ ที่มีความสนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ปัจจุบันมีการลงทุนผ่านคนในครอบครัวด้วย นอกจากบัญชีของตัวเอง โดยมีมูลค่ารวมกันระดับ 5,025.11 พันล้านบาท

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา 2 เพื่อนซี้นักลงทุนสาย วีไอ หรือ Value Investor ที่มีความสนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยทั้ง 2 คน ถือเป็นนักลงทุนรุ่นเก๋า รุ่นลายคราม ที่คร่ำหวอดคู่กับตลาดหุ้นไทยมาอย่างยาวนาน และปัจจุบันถือว่า ทั้งคู่เป็นปรมาจารย์ให้แก่นักลงทุนมาจนถึงทุกวันนี้ 

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจพอร์ตการลงทุนในหุ้นของ 2 เพื่อนซี้ ปัจจุบันมีการลงทุนผ่านคนในครอบครัวด้วย นอกจากบัญชีของตัวเอง โดยมีมูลค่ารวมกันระดับ 5,025.11 พันล้านบาท

เปิดพอร์ต ดร.นิเวศน์ & ดร.ไพบูลย์ 2 เพื่อนซี้ เด็กวิศวะ จุฬาฯ 

  • ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปัจจุบันปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 2 หลักทรัพย์ 

1.บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ทำธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ บริหาร และจัดการระบบท่อส่งน้ำดิบในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ถือหุ้นใหญลำดับ 7 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.60% รวมมูลค่า 49.80 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 4.98 บาท)  โดยหุ้น EASTW ดร.นิเวศน์ เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.60%  

เปิดพอร์ต 2 เพื่อนซี้ เด็กวิศวะ จุฬาฯ ดร.นิเวศน์ & ดร.ไพบูลย์ รวมกัน 5 พันล้าน

2.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม) อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ

ถือหุ้นใหญลำดับ 3 จำนวน 250,000,000 หุ้น หรือ 2.33% รวมมูลค่า 570.00 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 2.28 บาท)  โดยหุ้น QH ดร.นิเวศน์ เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กันยายน  2558 จำนวน 60,000,000 หุ้น หรือ 0.56% 

รวมมูลค่า 619.80 ล้านบาท


ขณะเดียวกันยังพบว่า น.ส. พิสชา เหมวชิรวรากร (ลูกสาว) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์เช่นกัน 

1.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ถือหุ้นใหญลำดับ 8 จำนวน 150,000,000 หุ้น หรือ 1.40% รวมมูลค่า 342.00 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 2.28 บาท)  โดยหุ้น QH ลูกสาว ดร.นิเวศน์ เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 จำนวน 60,000,000 หุ้น หรือ 0.56%

2.บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

ถือหุ้นใหญลำดับ 10 จำนวน 13,500,000 หุ้น หรือ 0.46% รวมมูลค่า 122.17 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 9.05 บาท)  โดยหุ้น BCPG ลูกสาว ดร.นิเวศน์ เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน  2560 จำนวน 12,000,000 หุ้น หรือ 0.60% 

รวมมูลค่า  464.17 ล้านบาท 

หากรวมพอร์ตของดร.นิเวศน์ และลูกสาวจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 1,083.97 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพอร์ตครอบครัวดร. นิเวศน์ ในครั้งนี้ ไม่ปรากฎรายชื่อ นาง เพาพิลาส เหมวชิรวรากร (ภรรยา) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 

 

  • พอร์ตการลงทุนของ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา

1.บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ หรือ ASN ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยเน้นการขายประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 5,756,100 หุ้น หรือ 3.07% มีมูลค่า 16.11 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 2.80 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 จำนวน 1,202,700 หุ้น หรือ 0.93%

2.บมจ.ชโย กรุ๊ป หรือ CHAYO ดำเนินกิจการเจรจาติดตามและเร่งรัดหนี้สิน และบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกัน และไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงิน และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 69,854,837 หุ้น หรือ 6.39% มีมูลค่า 555.34 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 7.95 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 จำนวน 20,000,000 หุ้น หรือ 3.57%

3.บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้
  2. บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ โดยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทต่างๆ และนำมาบริหารจัดเก็บหนี้
  3. ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะ และเน้นปล่อยสินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดา

ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 26,704,014 หุ้น หรือ 1.83% มีมูลค่า 1,134.92 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 42.50 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 จำนวน 20,000,000 หุ้น หรือ 3.57%

4.บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม หรือ KLINIQ ดำเนินกิจการคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงาม ศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพ ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 10,168,982 หุ้น หรือ 4.62% มีมูลค่า 391.50 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 38.50 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 5,818,182 หุ้น หรือ 2.64%

5.บมจ.แมนดารินโฮเต็ล หรือ MANRIN ดำเนินธุรกิจโรงแรมให้บริการที่พักอาศัย จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม การประชุมสัมมนา การจัดเลี้ยงและการให้บริการอื่น ๆ ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 758,600 หุ้น หรือ 2.82% มีมูลค่า 19.72 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 31 พ.ค.66 ที่ 26.00 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 จำนวน 758,600 หุ้น หรือ 2.82%

6.บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 3,629,800 หุ้น หรือ 1.51% มีมูลค่า 293.10 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 80.75 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 จำนวน 3,629,800 หุ้น หรือ 1.51%

7.บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL ประกอบธุรกิจประกันภัยต่อด้านการประกันชีวิตทุกประเภท โดยเบี้ยประกันภัยรับส่วนหนึ่งจะถูกกันไว้เป็นเงินสำรองประกันชีวิต และดำเนินการบริหารเงินสำรองประกันชีวิตส่วนนี้โดยนำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ครอบคลุมภาระที่จะเกิดขึ้น  

ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 15,552,400 หุ้น หรือ 2.59% มีมูลค่า 75.89 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 4.88 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 จำนวน 10,938,400 หุ้น หรือ 2.59%

รวมมูลค่า 2,486.61 ล้านบาท 

 

ขณะที่ นาง วราณี เสรีวิวัฒนา ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ CHAYO ลำดับ 8 จำนวน 18,387,715 หุ้น หรือ 1.68% มีมูลค่า 146.18 ล้านบาท เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 1.67%


ส่วนลูกสาว น.ส. พิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา ปัจจุบันปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์ 

1.บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 16,125,569 หุ้น หรือ 1.10% มีมูลค่า 685.33 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 42.50 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 จำนวน 2,164,842 หุ้น หรือ 0.55%

2.บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ  UAC ประกอบกิจการนำเข้า ขาย สารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี โดยกลุ่มลูกค้าได้แก่ กลุ่มน้ำมัน ก๊าซ โรงกลั่นน้ำมันและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น โรงงานอุตสาหกรรมโพลิเมอร์และพลาสติก โรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ โรงไฟฟ้าและสาธารณูปโภค รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และระบบสาธารณูปโภค

ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 20,060,017 หุ้น หรือ 3.00% มีมูลค่า 83.85 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ 4.18 บาท) เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 จำนวน 1,000,000 หุ้น หรือ 0.67%

รวมมูลค่า 769.18 ล้านบาท 

หากรวมกันทั้งครอบครัว ดร.ไพบูลย์ จะมีมูลค่า 3,941.13 ล้านบาท